“จตุพร” ชวนปชช.ร่วมแสดงพลัง วันที่ 24 มิถุนายน ลั่น “ประยุทธ์” ต้องออก! พูดให้หวังแต่เป็นคำตระบัดสัตย์

เมื่อวานนี้ (22 มิถุนายน 2564)  นายจตุพร พรหมพันธุ์ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือนปช.กล่าวบนเวทีอภิปรายออนไลน์ ไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย โดยระบุถึงการเคลื่อนไหว ขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ว่า

ตลอดการเคลื่อนไหวชุมนุมตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน จนถึงการไปปักหมุดยื่นหนังสือถึงองค์กรต่างๆ และภาคการเมือง รวมถึงทำเนียบรัฐบาลไปมาแล้ว 3 รอบ โดยวันที่ 22 มิถุนายนนี้ คณะไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นรอบที่ 4

“อย่างที่พวกเราได้ประกาศมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า การเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ออกจากตำแหน่งนั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวใดๆทั้งสิ้น แต่ประเทศนี้ได้ให้โอกาสพลเอกประยุทธ์มากว่า 7 ปี คนไทยนั้นต้องพบกับความจดจำที่ลมๆแล้งๆ หมายความว่า พลเอกประยุทธ์ได้สร้างความหวังให้กับคนมากมาย ได้ประกาศสิ่งที่สวยหรู และทุกคำทุกวาจา ล้วนแต่สะบัดสัตว์ทั้งสิ้น”

ดังนั้นหากเป็นนักการเมืองรายอื่น ซึ่งตนก็ได้ยกตัวอย่างเสมอว่า พลเอกสุจินดา คราประยูรซึ่ง ตระบัดสัตย์แค่ครั้งเดียว คนไทยไม่เคยให้โอกาสเป็นครั้งที่ 2 แต่พลเอกประยุทธ์ตระบัดสัตย์แล้วตระบัดสัตย์อีก ก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในตำแหน่งได้ พลเอกสุจินดาอยู่ในตำแหน่งได้เพียงแค่ 47 วัน แต่พลเอกประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งได้ถึง 7 ปี

“วันนี้ก็พิสูจน์กันแล้วว่ารัฐบาลที่ปกครองโดยพลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ได้มีความซื่อสัตย์สุจริต ทุกเรื่องที่ประกาศอย่างที่บอกกัน ประกาศไม่ยึดอำนาจ ก็ยึดอำนาจ , ยึดอำนาจแล้วไม่สืบทอดอำนาจ ก็สืบทอดอำนาจ, สืบทอดอำนาจแล้วก็บอกจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ไม่แก้,”

ดังนั้นทุกเรื่องราวหากไปกางนโยบายของพรรคพลังประชารัฐดู ทำข้อไหนได้บ้าง เพราะฉะนั้นคนไทยก็ได้พกความขมขื่นเอาไว้กันมากพอสมควร ทั้งนี้ตนได้พูดกับบรรดาหมู่มิตรและหลายฝ่ายกันว่า ภายหลังจากมีการยึดอำนาจแล้วเปลี่ยนแปลงอะไรกันไม่ได้นั้น ตนก็บอกว่า ในโชคร้าย เราก็น่าจะมีโชคดีอยู่บ้าง นั่นคือท่ามกลางความขัดแย้งแต่ละฝ่ายที่ไม่ฟังกันนั้น แต่ผลพวงความเลวร้ายของคณะรัฐประหารจะทำให้คนไทยมองเห็น ภาพอย่างเดียวกัน

“เราเดินเลยเถิดกันมาถึง 7 ปี และก็ไม่มีวี่แววว่าพลเอกประยุทธ์จะไป มิหนำซ้ำอาจจะอยู่ยาวนานที่สุด ตั้งแต่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีมา ทั้งที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆได้เลย”

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ด้วยพฤติกรรมและพฤติการณ์ทั้งหมดนั้น เราจะไปลำดับความกันที่ทำเนียบรัฐบาล โดยในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ จะไปยื่นหนังสือเป็นคำรบ 4 เพื่อจะได้นัดหมายกันว่า เราจะนัดเจอกันอย่างไร เพราะอย่างที่ทราบกันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมวางตู้คอนเทนเนอร์ เอาลวดหนามขึงทำเนียบรัฐบาล ทั้งที่พลเอกประยุทธ์และเครือข่ายก็น่าจะรู้ดีว่า อย่างไรพวกผมก็ไม่เข้าไปยึดในทำเนียบ เพราะไม่มีความหมายใดๆ

“แต่ก็แน่นอนที่สุด คนที่ขี้ขลาดตาขาว กลัวต่างๆ ก็จะต้องป้องกัน ตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าแยกนางเลิ้งซีกต่างๆมุมต่างๆ รวมกระทั่งแยกมิสกวัน ไม่ให้ใครเข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล แล้วก็คิดว่านี่คือชัยชนะ ผมบอกว่ายิ่งแสดงความขี้ขลาดตาขาวมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งพ่ายแพ้มากเท่านั้น”

ดังนั้นที่ตนบอกว่า เรานัดเจอที่ทำเนียบ แต่หากมีการปิดกั้น ไม่ว่าปิดกั้น ณ จุดใด วันที่ 22 มิ.ย.นี้ ก็จะได้นัดหมายกันว่า เราจะพบกันที่จุดใด ตู้คอนเทนเนอร์จึงไม่ได้มีความหมายใดๆ เพราะตนเชื่อว่า สักพักเราจะอยู่กับตู้คอนเทนเนอร์ได้

“ การชุมนุมหลายครั้ง ไม่มีใครได้ใช้ประโยชน์จากตู้คอนเทนเนอร์ มาครั้งนี้เราจะได้ใช้ประโยชน์บ้าง เพียงแต่ว่าเมื่อเราได้ใช้ประโยชน์จากตู้คอนเทนเนอร์แล้ว รัฐบาลก็อยากกระบัตรสัตว์ยกตู้คอนเทนเนอร์หนีก็แล้วกัน เพราะมันเป็นประเทศที่ห่วยแตกสับปะรังเคกลัวประชาชน”

นายจตุพรกล่าวว่า ความเป็นจริง ประชาชนต้องการไปพูดที่ใด รัฐบาลมีหน้าที่อำนวยความสะดวก แต่นี่ก็ไปสกัด อ้างโรคระบาด แต่ยิ่งเกิดปรากฏการณ์นี้ ก็ต้องยิ่งอำนวยความสะดวก เพราะโดยข้อเท็จจริงนั้น เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

นอกจากนี้ตนอยากเสนอความคิดเห็นไปถึงบรรดากระบวนการที่ไม่เห็นด้วยกับคณะรัฐประหารที่ผ่านมาว่า ตราบใดที่พลเอกประยุทธ์ยังเป็นนายกรัฐมนตรี เราไม่มีวันจะได้รัฐธรรมนูญ ที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

“วันนี้ก็โยนมาเป็นกระแสสังคม ฝ่ายค้านก็ทะเลาะกัน แทบจะไม่มองหน้า สักพักก็จะไม่เผาผีกัน ฝ่ายรัฐบาลก็เห็นต่างกัน แต่ไม่รุนแรงเท่ากับฝ่ายค้านด้วยกันเอง แล้วท้ายที่สุดนั้นก็นำไปสู่ความพ่ายแพ้ทั้งปวง”

แต่ความคิดของคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยนั้นเราได้อธิบายมาตั้งแต่ต้นว่า รัฐธรรมนูญไม่มีวันจะแก้ไขได้ ในสาระที่สำคัญ อาจจะเหมือนรัฐธรรมนูญปี 50 ที่แก้ไขได้เพียงแค่เรื่องระบบการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดนั้นไม่ได้อธิบายอะไรที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของประชาชนเลยและสุดท้ายก็หาความสำเร็จไม่ได้

“ที่จะไปปิดสวิตช์ส.ว. โละองค์กรอิสระ และจัดการปัญหาต่างๆ ไม่มีวันจะเกิดขึ้นมาได้ ถ้าตราบใดที่นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าคิดลงมือเรื่องรัฐธรรมนูญก่อน ทะเลาะกันอย่างที่เห็น แต่ถ้า สามัคคีไล่ประยุทธ์กันก่อน ท้ายที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นความจริงกันได้”

นายจตุพรกล่าวด้วยว่าวันนี้พิสูจน์ชัดว่า ผู้ปกครองไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติได้ จึงเป็นหน้าที่อันชอบธรรมของประชาชน เพราะฉะนั้นวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ขอให้พี่น้องออกแบบชีวิตกันมาเตรียมหน้ากาก เจลแอลกอฮอล์ พกน้ำดื่มมา เตรียมอุปกรณ์ผ้าเย็นไว้ซับหน้า แต่ตนเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องการกระทบกระทั่ง เพราะเราจะใช้แนวทางสันติวิธี

แต่หากใครต้องการพฤติกรรมแบบหมาบ้า หลังจากประเทศนี้เป็นของประชาชนแล้ว คุณก็คอยรับเคราะห์ก็แล้วกัน ซึ่งทั้งหมดนั้นตนต้องการบอกกับทุกคนว่า ตลอดระยะเวลาหลายเดือนนี้ พวกเราแต่ละคนขึ้นมาอธิบายความอย่างชัดเจนว่า ประเทศนี้มีปัญหาอย่างไร ทำไมต้องขับไล่พลเอกประยุทธ์ พลเอกประยุทธ์เป็นคนดีหรือไม่ เป็นคนซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ เป็นคนที่มีความสามารถบริหารประเทศชาติหรือไม่ แต่ 7 ปีที่ผ่านมานี้ มันไม่เห็นอนาคตเลย

“ผมขอเชิญชวนพี่น้อง ไม่ว่าท่านจะอยู่ภูมิภาคใด วันที่ 24 มิถุนายนนี้ ร่วมสำแดงอนาคตกัน เราต้องร่วมในการเปลี่ยนแปลง ไม่สู้ก็ไม่มีวันที่จะโงหัวขึ้นมาได้”