‘สุรเชษฐ์’ ชวนติดตามอภิปราย ‘แก้รัฐธรรมนูญ’ ลั่นครั้งนี้เปลี่ยนกติกาชี้ชะตาประเทศ

ปักธงปฏิรูป 5 ด้าน แล้วมาร่วมกันเดินทางไกล ‘สุรเชษฐ์’ ชวนติดตามอภิปราย ‘แก้รัฐธรรมนูญ’ เผย ครั้งนี้เปลี่ยนกติกากำหนดชะตาประเทศ ‘ประยุทธ์’ อาจได้ไปต่อ แต่สังคมไทยต้องไม่สูญเสีย ‘การเมืองแห่งความหวัง’

วันที่ 21 มิถุนายน 2564 สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ชวนสังคมจับตาการอภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 22 – 23 มิ.ย. เพื่อพิจารณาญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 โดยมีวาระการพิจารณา 13 ร่าง เสนอโดยพรรคพลังประชารัฐ 1, เพื่อไทย 4, ภูมิใจไทย 2, และประชาธิปัตย์ 6
.
“ประเด็นสำคัญที่สุดอยู่ที่ร่างที่ 4 เพราะเป็นการเสนอยกเลิกมาตรา 272 หากไม่ได้รับเสียง ส.ว. จำนวน 84 คน จาก 250 คน มั่นใจได้ว่าผลจากระบบที่ออกแบบมาอย่างบิดเบี้ยวและความอยุติธรรมอันฉ้อฉลนี้จะส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 อย่างแน่นอน ทั้งยังหมายถึงการประทับตราให้เสียง ส.ว. 250 คน มีน้ำหนักเท่ากับประชาชนครึ่งประเทศ หากเทียบกับการเลือก ส.ส. 500 คน ซึ่งมาจากประชาชน”
.
สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า อีกประเด็นหนึ่งที่ประชาชนจำนวนมากกำลังให้ความสนใจคือร่างที่ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ โดยเสนอให้มีการแก้ไขระบบเลือกตั้งให้กลับไปเป็นแบบรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งจะทำให้พรรคใหญ่มีสัดส่วนจำนวน ส.ส. ในสภามากเกินจริง เพราะจะมี ‘เสียงตกน้ำ’ จำนวนมากไม่ถูกนำมาคิดเพื่อจัดสรรเป็นตัวแทนของเขา ทำให้สัดส่วน ส.ส. ในสภาไม่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน ประเด็นนี้ พรรคก้าวไกลเสนอทางออกให้ใช้ระบบ MMP โดยใช้บัตร 2 ใบ “เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ใช่” เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 40 แต่แก้ไขวิธีการคำนวณให้ “ได้สัดส่วน ส.ส. ที่ถูกต้องตามที่ประชาชนเลือก” เพื่อแก้ปัญหาเสียงตกน้ำ
.
“แต่จากท่าทีของ ส.ว. และพรรคเพื่อไทย คิดน่าจะทำให้ร่างนี้ของพรรคพลังประชารัฐผ่านไปได้ ซึ่งหากรวมกับการที่ยังมีมาตรา 272 อยู่ จึงฟันธงได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น และชอบธรรมมากขึ้น ด้วยระบบเลือกตั้งที่ผ่านการแก้ไขโดยรัฐสภา”
.
สุรเชษฐ์ ได้ขยายความต่อว่า จากรูปเกมของการเปลี่ยนกติกาดังกล่าว คือระบบเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญปี 40 และ ส.ว. 250 คน ที่ยังมีอำนาจเลือก พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯ จะทำให้ ‘ประเทศ’ ไม่ได้ไปต่อกับการเมืองแห่งความหวังในช่วงเวลาอันใกล้นี้ แต่ตนเชื่อว่ายังมีประชาชนจำนวนมากหวังที่จะได้เห็น
.
(1) การปฏิรูปสถาบัน ให้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงสถาพรเป็นที่เคารพรักในใจของประชาชน
.
(2) การปฏิรูปกองทัพ ให้เป็นกองทัพของประชาชนในการสู้รบกับต่างชาติอย่างเข้มแข็งและทันสมัย
.
(3) การปฏิรูปศาลและองค์กรอิสระ ให้ความยุติธรรมดำรงอยู่เพื่อทุกคน ขจัดปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นรวมถึงการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในระบบการเมืองเก่า
.
(4) การทลายทุนผูกขาด เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึง SME และสตาร์ทอัพ
.
(5) การแก้ปัญหาระบบรัฐราชการรวมศูนย์ ให้เกิดการกระจายอำนาจและเม็ดเงินสู่ท้องถิ่นอย่างจริงจัง เพื่อให้ประเทศไทยไม่ได้มีแค่กรุงเทพฯ

“คิดว่าคนจำนวนมากเข้าใจแล้วว่า มาตรา 272 คือ การโกง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะ คสช. วางกลไกอำนาจเพื่อควบคุมไว้หมด จะแก้ก็แก้ไม่ได้เพราะต้องใช้ ส.ว. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนแต่งตั้งมากถึง 84 เสียง แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง ขอให้ฟังการอภิปรายแก้รัฐธรรมนูญของ ส.ส. ก้าวไกล 5 คนก่อน แล้วมาร่วมกันสร้างการเมืองแห่งความหวังกันต่อไป การแพ้ในสภาเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่พวกเราจะชนะในอนาคตเมื่อประชาชนส่วนมากเห็นดาวเหนือดวงเดียวกัน แล้วมาร่วมเดินทางเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม”