‘โทนี่’ มองยังไง เมื่อรบ.ทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นยาก จากวัคซีน-แก้รธน.-ขยายโรงรับจำนำ

โทนี่ วู้ดซัม หรือทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาอีกครั้งในรอบเดือนนี้ ท่ามกลางกระแสการเมืองไทยทั้งการจัดการวิกฤตโควิดและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในภาวะตกต่ำทั้งความนิยมและประสิทธิภาพการบริหารของรัฐบาลจนเกิดกระแสการยุบสภา

โดยเมื่อเวลา 20.02 น.วานนี้ (15 มิถุนายน 2564) นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี วู้ดซั่ม ได้ร่วมพูดคุยกับ CARE ClubHouse x CARE Talk ในหัวข้อ “โทนี่ขอถามจริงๆ เมื่อไหร่จะหายวุ่น ทำไมทำเรื่องง่าย ให้เป็นเรื่องยาก” พูดถึงการบริหารจัดการเรื่องวัคซีน ผ่านคลับเฮาส์ และ เฟซบุ๊กแฟนเพจ CARE คิดเคลื่อนไทย

เอาให้ชัด แผนวัคซีน

โทนี เผยว่า ปัญหาเรื่องวัคซีนที่วุ่นอยู่ ตอบโต้กันไปมา ทั้งกทม. ศบค. กระทรวงสาธารณสุขและแอสตร้าเซนเนก้า จนประชาชนต้องฉีดวัคซีนทิพย์ วิเคราะห์ว่า เป็นเพราะช่วงแรก ไทยมีเคสโควิดน้อย เลยประมาท ไม่ได้วางแผนเรื่องวัคซีนมากนัก คิดว่าจะใช้สยามไบโอไซเอน ผลิตแอสตร้าเซนเนก้า แต่คุณแป้งก็มาบอกว่า รับจ้างผลิต และ ใช้ซิโนแวค ที่สธ.ไปสั่ง กลายเป็นว่าแทงม้า 2 ตัว ทั้งๆที่ วัคซีนมีหลายตัวมาก

“วันนี้ก็ยังสับสนว่า วัคซีนทางเลือก ประชาชนต้องจ่ายเงินซื้อไหม รัฐจะซื้อแค่นี้ใช่ไหม คุณอนุทินจะชอบซิโนแวคมากกว่าซิโนไทยแล้วใช่ไหม จะเอาแค่ สั่งให้ทางเลือกประชาชน หรือเป็นทางเลือกของประชาชน มันสับสนมาก”

โทนี กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ เป็นเพราะมันผิดแผน ไม่เป็นอย่างที่คาดคิด หรือเรียกว่า underestimate พอหลังๆระบาดหนัก ก็สั่งเพิ่ม เน้นแอสตร้าฯ กับซิโนแวค วัคซีนมีหลายตัวแต่ไม่สั่ง จนราชวิทยาลัย สั่งซิโนฟาร์ม คนพอจะมีเงินจ่ายก็ไปจ่ายซิโนฟาร์ม เราก็ไม่รู้จะเอาอย่างไรกัน อย่าง โมเดอร์นา เรารู้ว่าให้เอกชนซื้อ แล้วแต่ใครมีเงินจ่าย อีก 2 ตัวยังไม่รู้ ระหว่าง ไฟเซอร์ กับจอห์นสัน ฯ ฟรีไหม ต้องบอก คนจะได้เลิกสับสน

อย่าง วันที่ 7 ประกาศไป ก็ไม่มีแผน คนหนุ่มสาวไปฉีดที่บางซื่อ ก็ได้ฉีดแอสตร้าฯ เพราะไม่มีซิโนแวค ทั้งที่บอกให้ผู้สูงอายุ กับ คนมีโรคประจำตัวฉีด ทำไมเราไม่มีแผนว่า ตกลง อายุต่ำกว่า 55-60 ฉีดซิโนแวคนะ ต้องประสานงาน สื่อสารกันระหว่างหน่วยงานต่างๆให้ชัดเจน อย่าพูดหลายคน ทำให้คนสับสน

“เราสับสนเพราะรัฐบาลไม่ชัดเจน และไม่มีแผนที่ชัดเจน รัฐไม่มีแผนสำหรับวัคซีนเข้ามาไม่ตรงเวลา”

อดีตนายกฯ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ ตัวเลขมันมี 3-4 ตัวเลย ทั้ง 1.ตัวเลขสั่งวัคซีน 2.ตัวเลขวัคซีนเข้ามาจริง 3.ตัวเลขวางแผนฉีด และ 4.ตัวเลขที่ฉีดจริง ต้องเอาให้ชัด เรื่องวัคซีนนี่ปรับแผนได้ตลอดเวลา เพราะสมัยนี้การส่งของมันติดตามได้ ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว จะได้ปรับแผนประชาสัมพันธ์ อย่างหากวัคซีนที่จะมา 3 ล้านมาล้านเดียว ก็ประกาศให้ชัด คนจะได้ไม่ต้องไปบ่นอะไรกัน

ทั้งยังแสดงความกังวลถึงการขนส่ง เพราะต้องคำนึงถึงอุณหภูมิ อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆได้

ทั้งยังกล่าวถึง กรณี สมาชิกวุฒิสภารายหนึ่ง กล่าวว่าควรชะลอการสั่งซื้อวัคซีนว่า “มาเจอส.ว. บอกวัคซีนเหลือสั่งมาเยอะไป รู้ไหม ที่ดูไบ ฉีดมาปีกว่าตอนนี้เริ่ม บูสเตอร์ เริ่มฉีดเข็มที่ 3 เหมือนไข้หวัดใหญ่ 6 เดือนฉีดทีหนึ่ง ไวรัสมันตัวใหม่ บางทีภูมิมันตก หากต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ภูมิไม่พอ ต้องฉีดอีกเข็ม หากพ้น 100 วัน จะใช้ยี่ห้ออื่นก็ได้ วัคซีนไม่มีเหลือหรอก วัคซีนมาพอจะดีขึ้น”

“นายกฯประกาศเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสงครามโควิด ก็ต้องต่อสู้กับโควิด ต้องทุ่มงบไปที่วัคซีน การตรวจ ระบบการรักษา และดูแลคนที่หายป่วยแล้ว เรื่องปอด อะไรต่างๆ นี่ต้องเป็น priority ถ้าไม่ทำแล้ว เศรษฐกิจเปิดไม่ได้ ที่ตั้งใจกู้มา อีกหน่อยไม่พอจ่ายดอก เพราะเศรษฐกิจพัง เก็บภาษีไม่ได้ ต้องคิดอะไรให้ครบวงจร อย่าส่วนหนึ่ง”

“ไม่รู้นายกฯ ได้ฟังบ้างเปล่า อย่างที่ผมพูดเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ ท่านก็ทำจริงๆ 130 ล้านบัญชี เข้าท่าแต่ถูกครึ่งเดียว แต่มีเรื่องต้องทำต่อ คิดว่าไม่ครบวงจร”

รับพลาดเอง! ตั้ง “ประวิตร” นั่งผบ.ทบ. ดูโหงวเฮ้งไม่เป็น

ช่วงตอนหนึ่ง หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล สอบถาม โทนี่ ถึงเหตุผลในการตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผบ.ทบ. ทำไมถึงไม่แต่งตั้ง พล.อ.พรชัย กรานเลิศ

โทนี่ ตอบว่า เข้าใจว่า ตอนนั้น พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ยังไม่มาเป็นผู้ช่วยผบ. มาตอน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นผบ.ทบ. ที่ผมเอา พล.อ.ประวิตร ขึ้น เขาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ตอนนั้น พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็นผบ. ไม่อยากครหานาน ว่าเอาญาติขึ้น เขาจบ จปร. ผ่านการรบ ก็ให้เป็นผบ.สส. พล.อ.ประวิตร ก็มาทำเนียบบ่อย

เมื่อถามว่า คิดหรือไม่ว่า พล.อ.ประวิตร จะวางอนาคตไว้เช่นนี้ โทนี่ กล่าวว่า มันเป็นความ ดูโหงวเฮ้งไม่เป็น หากฝึกดูโหงวเฮ้งหน่อย วันนั้นก็คงไม่ตั้ง ดูท่าทางก็เรียบร้อยดี คนนี้ โดน พล.อ.เปรม สั่งประจำ เหตุการณ์นัดแล้วไม่มาตามนัด ตอนนั้นเป็นผู้การกรม ที่ ปราจีนบุรี คนอื่นเขาไม่ออกสักคน แกนำมาคนเดียว เลยถูกจับได้ ว่านำมา ก็ถูก พล.อ.เปรม ก็ให้เขามาเป็นแม่ทัพภาค 1

“เขากองเชียร์เยอะมาก มี วัฒนา เมืองสุข เป็นส.ส.ปราจีนบุรี ก็มาเชียร์ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ก็มาเชียร์ ผมไม่ค่อยรู้จักเขา ก็รู้ว่าเป็นพี่ชายของรุ่นพี่ผม คือ พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รู้จักกันดี ก็เลยตั้ง”

สะอื้น! ไอเดีย ‘ขยายโรงรับจำนำ’ ยันที่อื่นลดจนไม่เหลือแล้ว

โทนี่ เผยถึงการแก้ปัญหาของรัฐ โดยเห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ถูกเพียงครึ่งเดียว ยังไม่ครบวงจร ทุกอย่างต้องสะท้อนความจริง ตอนนี้ หากเสียดอกเบี้ย 1 หรือครึ่งเปอร์เซ็นต์ ก็เป็นภาระ

“ดูแค่คนละครึ่ง คนลงทะเบียน เหลือเยอะ อาจเพราะคนเข้าไม่ถึงระบบ หรือคนไม่มีเงินไปใช้ ออกให้ครึ่งก็ไม่อยากใช้ เพราะหุงข้าวกินที่บ้าน เงินก็ไม่ถึง คนไทยไม่มีเงินกินมาก ต้องแก้ไขเศรษฐกิจโดยด่วน”

ส่วนเรื่อง ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ไม่รู้จับทรายใส่กล่องหรือเปล่า ต้อง 14 วัน ต้องไปตรวจ และรายงานตัวอีก อย่างยุโรปเริ่มเปิดแล้ว ประชาชนทนไม่ไหว รัฐบาลก็ทนไม่ไหวที่เก็บภาษีไม่ได้ เกาหลีกำลังจะเปิด ฉีด 2 เข็มไม่ต้องกักตัว ของเราที่ทนไหว เพราะหมดเงินก็กู้ เพราะกูไม่ได้ใช้

โทนี่ ยังกล่าวถึง แนวคิดขยายโรงรับจำนำ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ผมสะอื้นเลย ที่อื่นเขาลดโรงรับจำนำจนจะไม่เหลือแล้ว ดอกเบี้ยก็แพง สองเป็นที่ที่จำนำของคนจน วันนี้ต้องหาทางให้คนจนมีรายได้ เรื่องการจ้างงานเอย ช่องทางทำมาหากิน ต้องรีบทำก่อน ไม่ใช่ขยายโรงรับจำนำ ขยายช่องทางทำมาหากินดีกว่าช่องทางหมดตัว

“การเอาเงินไปแจก เอาไปปิดแผลเก่า ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะมันไม่มีโอกาสที่จะไปลงทุนอะไรเลย ภาวะของเศรษฐกิจในประเทศไม่เอื้ออำนวย ท่องเที่ยวไม่มา ปิดหมด มีเงินเท่าไหร่ก็คือเจ๊ง วันนี้คนอยู่ได้คือสายป่านยาว หรือ ธุรกิจตรงกับที่อยู่ได้ช่วงโควิด ค้าออนไลน์ไรแบบนี้อยู่ได้ คนอยู่บ้านซื้อ คนมีกำลังซื้อ มีเงินออม ยังซื้อได้อยู่”

ช่วงตอนหนึ่ง ผู้ร่วมติดตามชมในคลับเฮาส์ ได้ถามคำถามว่า ถึงรัฐธรรมนูญปี 40 โดยโทนี ได้อธิบายว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 นั้น เกิดขึ้นเพราะไทยบริหารแบบ มีพรรคเล็กพรรคน้อยเยอะ และไปกดดันผู้นำ ต่อรอง ทำให้รัฐบาลอยู่สั้น เป็นปัญหาในอดีต หมอประเวศจึงเสนอทางออก ว่าต้องสร้างรัฐธรรมนูญ ที่คำนึงศักดิ์ศรีคนไทย และให้อำนาจผู้นำ สรุปออกมาเป็นร่างของประชาชน ว่าคิดอย่างไร ทั้งเรื่องสวัสดิภาพ ศักดิ์ศรี

“ในเรื่องเลือกตั้ง ก็มีระบบเขต 400 เขต ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คนไปถึงก็โหวต 2 ใบ ใบหนึ่งเลือกคน อีกใบเลือกพรรค ก็เอาใบของคนมาตัดสินเขตนั้นเลย พรรคก็เอามาดูกกต.กลาง ว่าใครได้เท่าไหร่ ข้อดี ประชาชนได้เลือกทั้งพรรค ทั้งคน ประชาชน ตัดสินได้เอง ว่าจะเลือกพรรคอะไร ส.ส.ไหน ซึ่ง ผมไม่ค่อยมีปัญหา แบบ 40 ชัด ประชาชนชิน ถ้ากลับไปอีก อย่างที่ก้าวไกลบอกว่า 2 บัตรแบบเยอรมันนั้น ผมไม่ชำนาญ เลยไม่รู้ เพราะผมเองเป็นผลผลิตของปี 40”

นอกจากนี้ ยังได้แสดงความเห็นถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในช่วงขณะนี้ว่า วันนี้ ผม เชื่อแบบโบราณ ผมคิดว่า กำขี้ดีกว่ากำตด วันนี้ การแก้ไขกฎหมายใดๆ ถ้ารัฐบาลจะเอาอย่างไร ก็มักจะเป็นแบบนั้น เพราะเสียงเขามาก แต่ไหนๆ เขาบอกว่า แก้บางส่วน เราคิดว่าอะไรเป็นประโยชน์บางส่วน ก็ใส่เข้าไปก่อน เผื่อฟลุ๊กจะได้ แต่ต้องมีจุดยืนว่า ต้องเป็นประชาธิปไตย แก้ทั้งฉบับ เพื่อไทยเขาสงวนหมวด 1-2 ก็ดี จะได้ไม่วุ่นวาย ส่วนแก้ทั้งฉบับ ให้ส.ส.ร.แก้

และว่า “รธน.60 แย่ที่สุด ตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา ถ้าให้ผมก็ชอบ 40 ดีที่สุดตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา มีจุดที่ไปแก้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่มาจากประชาชน และคำนึงถึงศักดิ์ศรีของประชาชนจริงๆ”

อย่าเบี้ยหัวแตกลงคะแนนเลือกตั้ง

ทั้งนี้ โทนี ได้กล่าวถึง การเมืองและการเลือกตั้งในอนาคตว่า ถ้ามีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ต้องเลือกผู้นำของตัวเอง อย่างจริงจัง ถ้าเลือกกระจาย 250 ส.ว.ก็กดปุ่มปั๊ป สมมติว่า นาย ก. เหมาะมาก เทไปเลย เต็มที่เลย เป็นสัญญาณว่า ประชาชนจะเอาแบบนี้ จะได้เปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเป็นเบี้ยหัวแตกก็เปลี่ยนแปลงยาก

“อนาคตอยู่ที่ประชาชน ครั้งหน้าซื้อเสียงอย่างหนัก ช่วงนี้รายได้ดี ตอนนี้ คิดจะซื้อส.ส.ฝ่ายค้านมา อยู่ไกลแต่ได้ข่าว การเมืองมันกลับมาเน่าเหมือนเดิม เหมือน 5-6 เสียง ขู่นายกฯได้ ตอนปี 44 ขู่ไม่ได้ เพราะ รธน.40 ให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง ตอนนี้เบี้ยหัวแตก เต็มไปหมด”

“ถ้าประชาชน พร้อมใจเลือกฝั่งประชาธิปไตย ก็ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน อยู่ที่จะหวั่นไหวหรือเปล่า ถ้ารับแล้วไม่เลือก ก็เหมือนช่วงนายกฯปู ตอนนั้นผมไปช่วยปราศรัยได้ ก็ช่วยปราศรัย ผมก็บอกว่า หลวงพ่อคูณบอกว่า รับเงินซื้อเสียงไม่ผิด ไม่เลือกไม่บาป เขาโกงมาเยอะแล้ว เขาเอามาซื้อ ก็ถามว่า ทำไมให้น้อยจัง เอาไปตั้งเยอะ เพราะฉะนั้นอย่าไปเลือก”

ทั้งยังกล่าวถึง การปฏิรูปกองทัพว่า “ปล่อยให้ผมทำหรือเปล่า ถ้าผมทำ จะทำให้ทันสมัยกว่า โบราณแบบนี้ไม่เอา ถึงเวลาปล่อยทหารกลับบ้านไปกินเบี้ยเลี้ยงไม่เอา”

ฝากการบ้าน นายกฯ ถ้าอยากอยู่นาน

โดยช่วงท้ายของการร่วมสนทนาในคลับเฮาส์ โทนี ยังได้ฝากการบ้านให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะเป็นห่วง นายกฯ บอกอยากอยู่นาน อยู่ต่อ โดยว่า

“เห็นข่าวทานอยากอยู่นาน ฝากการบ้านท่านว่าวันนี้ โลกข้างหน้า เขากำลังพูดกันเรื่อง น้ำ จะเป็นพลังที่สำคัญ น้ำสะอาด เพราะต่อไปน้ำจะแพงขึ้นเรื่อยๆ ประชากรเยอะ เรื่องโลกร้อน จะมีผลต่อไทยเหมือนกัน
อยากฝากการบ้านนายกฯ ว่า 1. นายกฯ ต้องทำเรื่องน้ำโดยด่วน เรื่องน้ำแล้ง และน้ำท่วม ต้องแก้ไขให้ปกติเสีย จะไปดูที่ผมเคยทำ เชื่อม น.ยม กับ น.น่าน ขุดคลอง แม่น้ำน่าน ผ่านบางระกำ อยากให้นายกฯไปดู ไหนๆอยากอยู่ต่อ ใช้งบไปทำเรื่องน้ำซะ จะเป็นคุณูปการ ทำแก้มลิง เบรกน้ำ

“วันนี้ น้ำแข็งมันละลาย ที่ขั้วโลกเยอะขึ้นทุกวัน น้ำทะเลสูงขึ้น กทม.สูงกว่าน้ำทะเลแค่ 10 ซม. แก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ไม่งั้นจะท่วมและแก้ปัญหาระบายน้ำไม่ได้ ทำเกาะ เป็นเกาะๆ เพื่อไม่ให้น้ำเข้ากรุงเทพฯ เหมือนเนเธอร์แลนด์ ใช้เงินน้อยมาก ฝากแก้ปัญหาเรื่องนี้”

2. อยากฝากเรื่องของ พลังงานสะอาด ตอนนี้ เทคโนโลยี พัฒนาหนักมาก ทั้งโซลาร์เซลล์ เรื่องพัฒนาและการนำมาใช้ เรื่องของลม ผลิตได้เยอะขึ้น ลมน้อยๆ กังหันก็หมุน และเรื่องที่ ใช้พลังน้ำทะเล ทำไฟฟ้า ไฟฟ้าพลังน้ำ เราควรจะศึกษา ติดตามเรื่องพลังงานทางเลือกให้ดี เพราะเป็นอนาคตที่จำเป็น

3.การส่งเสริม เรื่องฟินเทค หรือ ไฟแนลเชียล เทคโนโลยี ที่จะมีผลกระทบต่อแบงก์เล็ก แต่มีผลที่ดีต่อประชาชน

4.พัฒนาระบบราชการ ให้เป็น e-govornment จริงๆ

“ถ้าอยากอยู่นาน ก็ฝากหน่อย ถ้าทำ คนก็คงไม่ว่า”