ประเด็นหลักในการหารือเป็นความกังวลของบรรดาชาติพันธมิตรนาโต้ต่ออิทธิพลของทางการรัสเซียและจีน โดยประธานาธิบดีไบเดน จะย้ำถึงความพร้อมของสหรัฐฯ ที่จะยืนหยัดเคียงข้างนาโต้ หลังจากยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ตีตัวออกห่างนาโต้

ประธานาธิบดีไบเดน ย้ำถึงเจตนารมย์ของสหรัฐฯ ที่จะยืนเคียงข้างนาโต้ตามพันธกรณีข้อที่ 5 ของนาโต้ โดยกล่าวกับพลเอกเจ็นส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ ว่าสหรัฐฯ ถือพันธกรณีข้อที่ 5 เป็นสัญญาศักดิ์สิทธิ์ “ผมอยากให้นาโต้มั่นใจว่าสหรัฐฯ อยู่กับพวกท่าน”

ด้านทำเนียบขาว ระบุว่า บรรดาผู้นำชาตินาโต้จะลงนามในแถลงการณ์ร่วมหลังเสร็จสิ้นการหารือ คาดว่าจะมีการเพิ่มเติมเรื่องการโจมตีไซเบอร์ขนาดใหญ่หลายครั้งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีการโจมตีไซเบอร์ต่อสหรัฐฯ จากกลุ่มแฮ็กเกอร์ในรัสเซีย

การเพิ่มเติมดังกล่าวจะถูกบัญญัติเพิ่มในพันธกรณีข้อที่ 5 ของนาโต้ด้วย ซึ่งจะส่งผลให้หากเกิดกรณีที่ชาติสมาชิกใดถูกโจมตีก็จะสามารถขอการสนับสนุนจากสมาชิกชาติอื่นได้

ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้พบปะกับผู้นำชาติบอลติก (กลุ่มชาตินาโต้ด้านตะวันออก) พูดคุยประเด็นภัยคุกคามจากรัสเซีย จีน และกรณีโจรกรรมเครื่องบินพาณิชย์กลางอากาศของทางการเบลารุสให้มาลงจอดนอกเส้นทางเพื่อจับกุมนักข่าวพลเมือง

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดน ยังมีกำหนดจะพบกับประธานาธิบดีเรเจป เตยิป เอร์โดอัน ผู้นำตุรกี ชาติสมาชิกนาโต้ที่มีแสนยานุภาพสูงสุด เป็นรองเพียงสหรัฐฯ

กำหนดการเดินทางทั้งหมดของผู้นำสหรัฐฯ เริ่มมาตั้งแต่การประชุมกลุ่มชาติอุตสาหกรรม 7 ประเทศ หรือจี7 ที่เมืองคอร์นวอลล์ ประเทศอินเดีย ต่อด้วยการประชุมนาโต้ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม และปิดท้ายด้วยการพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

นอกจากนี้ ผู้นำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ได้เตือนถึงภัยคุกคามทางทหารซึ่งเกิดจากจีน และว่าพฤติกรรมของจีนถือเป็นความท้าทายอย่างเป็นระบบ

ในแถลงการณ์ของการประชุมผู้นำนาโต ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ระบุว่า จีนยังคงมีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานและการรุกราน ซึ่งทำให้เกิดความท้าทายอย่างเป็นระบบต่อระเบียบโลกที่ยึดถือหลักกฎหมาย และในมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติสมาชิก เรารู้สึกวิตกกังวลที่จีนขาดความโปร่งใสและมักใช้ข้อมูลบิดเบือน

ขณะที่นายเจนส์ สโตลเลนเบิร์ก เลขาธิการนาโตเตือนว่าจีนกำลังขยับเข้ามาใกล้กับนาโตในมิติด้านการทหารและเทคโนโลยี แต่ยืนยันว่านาโตไม่ได้ต้องการทำสงครามเย็นกับจีนและไม่ได้ถือว่าจีนเป็นปรปักษ์หรือเป็นศัตรูแต่อย่างใด

ทั้งนี้นาโตมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของศักยภาพทางทหารของจีน ซึ่งถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและค่านิยมภายในของชาติสมาชิก โดยในช่วงที่ผ่านมาสมาชิกนาโตยังวิตกกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมของจีนในแอฟริกา โดยเฉพาะการสร้างฐานทัพขึ้นหลายจุดในภูมิภาคดังกล่าว