‘วิโรจน์’ ชี้ปม ‘เลื่อนฉีดวัคซีน’ ทำสับสน สธ.-กทม.โบ้ยไปมา แต่ ‘ประยุทธ์’ เนียนลอยตัวเงียบ

สู่สัปดาห์แห่งความโกลาหล ‘วิโรจน์’ เผย ผลข้างเคียง ‘เลื่อนฉีดวัคซีน’ ทำสับสนหนัก สธ.-กทม. โบ้ยกันยับ แต่ ‘ประยุทธ์’ ทำเนียนเงียบลอยตัวเหนือปัญหา ถามจากยอดส่งมอบ Astra 61 ล้านโดส กลายเป็นแค่ตัวเลขศักยภาพในการฉีดได้หรือ?

วันที่ 14 มิถุนายน 2564 วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึง สถานการณ์ ‘เลื่อนฉีดวัคซีน’ ในเวลานี้ว่า สภาพที่เกิดขึ้นผลที่ตามมาคือหน่วยงานต่างๆต่างโบ้ยกันไปมา แต่กลายเป็นว่าประชาชาเคว้งคว้างถูกลอยแพ ซึ่งกรณีมาจากการที่ รพ. เอกชนหลายแห่งใน กทม. ประกาศเลื่อนฉีดวัคซีน สำหรับผู้ที่จองคิวผ่านระบบหมอพร้อมในช่วงวันที่ 14-20 มิ.ย. ต่อมาสถานการณ์ได้ลุกลามบานปลาย โดยในวันที่ 13 มิ.ย. รพ. ในสังกัดสำนักการแพทย์ กทม. 8 แห่ง ได้ประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีน

สำหรับผู้ที่จองคิวผ่านระบบหมอพร้อมในช่วงวันที่ 14-17 มิ.ย. (รพ.ตากสิน 15-17 มิ.ย.) หรือแม้แต่ รพ.เลิดสิน และ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ที่สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ก็ประกาศเลื่อนฉีดวัคซีนเช่นกัน ผลกระทบคือสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนในเดือน มิ.ย. เป็นกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วยด้วยโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนในลำดับต้น ต่อมาสถานการณ์แย่ลงไปอีก เมื่อ กทม. ประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ลงทะเบียนในโครงการ ‘ไทยร่วมใจ’ ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. เป็นต้นไป จึงยิ่งสร้างความโกลาหล และสับสนให้กับประชาชนชาว กทม. เป็นอย่างมาก
.
“ เบื้องต้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรวัคซีนให้กับ กทม. ไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วไป 5 แสนโดส จากโควต้าทั้งหมดที่จะจัดสรรให้ 1 ล้านโดส โดยให้ความเห็นว่า ปัญหาการเลื่อนฉีดนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักอนามัย และสำนักการแพทย์ กทม. กระทรวงสาธารณสุขจัดการทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบไปให้ กทม. หมดแล้ว ต่อมา กทม. ได้ออกมาชี้แจงตอบโต้กระทรวงสาธารณสุขว่า กทม. ได้รับแจ้งว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีน AstraZeneca จำนวน 2.5 ล้านโดส และ กทม. เองได้ทำแผนการฉีดวัคซีนให้สอดคล้องกับจำนวน 2.5 ล้านโดส ซึ่งเป็นยอดที่ขัดกับที่นายอนุทินให้ข้อมูล จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ตกลงแล้วโควตาวัคซีนที่ กทม. ในเดือน มิ.ย. นั้นเป็น 1 ล้านโดส หรือ 2.5 ล้านโดส กันแน่”
.
วิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม กทม.ได้กันไว้ให้ 181,400 โดส ที่น่าตกใจคือ ในเดือน มิ.ย. มีผู้ที่จองคิวฉีดวัคซีนในระบบหมอพร้อมในพื้นที่ กทม. ถึง 450,000 คน ถ้าเฉพาะครึ่งเดือน ก็ต้องมาประมาณ 225,000 โดส ดังนั้น การกันวัคซีนเอาไว้สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมเพียง 181,400 โดส ย่อมไม่เพียงพอแน่

และอีกข้อสงสัยคือ การลงทะเบียนจองวัคซีนในโครงการ ‘ไทยร่วมใจ’ เชื่อมโยงฐานข้อมูลกับระบบหมอพร้อม และ MOPH IC หรือไม่ และการจัดสรรวัคซีนให้กับ กทม. ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้นำเอายอดการลงทะเบียนผ่านโครงการ ‘ไทยร่วมใจ’ ในส่วนที่ไม่ทับซ้อนกับระบบหมอพร้อม มาจัดสรรสต๊อกเพิ่มเติมให้กับ กทม. หรือไม่ ถ้าฐานข้อมูลของไทยร่วมใจ ไม่เชื่อมโยงกับระบบหมอพร้อม และไม่ได้มีการกันสต๊อกวัคซีนเอาไว้ให้กับโครงการไทยร่วมใจ ปัญหาก็ย่อมเกิดขึ้น
.
“ไม่ว่าปัญหานี้จะเกิดจาก กทม. หรือกระทรวงสาธารณสุข ประชาชนไม่มีความจำเป็นต้องรู้ และไม่ว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นจากหน่วยงานไหน ก็ย่อมอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลทั้งสิ้น การโบ้ยความผิดกันไปมาระหว่าง กทม. และกระทรวงสาธารณสุข ท่ามกลางความเดือดร้อน ความผิดหวัง และความสับสนของประชาชน สะท้อนถึงการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพ ไม่คุยกันของรัฐบาล ซึ่งสุดท้ายแล้ว มีแต่ประชาชนที่ต้องรับเคราะห์กรรม ผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเงียบเนียน ปล่อยให้ กทม. และกระทรวงสาธารณสุขตีกันไปมา แล้วลอยแพประชาชนไม่ได้”
.
“พล.อ.ประยุทธ์ จำไม่ได้หรือว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 64 ได้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการวัคซีนแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) โดยมีตนเองเป็นประธาน จำไม่ได้หรือว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 64 ครม. มีมติเห็นชอบโอนอำนาจตาม พ.ร.บ. จำนวน 31 ฉบับ ให้กับตนเอง เพื่อแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 จำไม่ได้หรือว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 64 ศบค. ได้มีมติให้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 กรุงเทพและปริมณฑล” โดยมีตนเองเป็นผู้อำนวยการศูนย์ ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จึงอยู่หน้าที่ และความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรงทั้งสิ้น”
.
ในส่วนข้อเสนอแนะ วิโรจน์ กล่าวว่า ต้องเชื่อมโยงฐานข้อมูลของระบบการจองคิวฉีดวัคซีนทุกระบบให้เข้ากับระบบหมอพร้อม อย่างเร็วที่สุด มีการ Update วันนัดหมายการฉีดวัคซีนหมอพร้อม ให้มีความน่าเชื่อถือ เมื่อไปตามวันนัดหมายจะต้องได้ฉีดวัคซีน ต้องเร่งจัดสรรวัคซีนเพื่อฉีดให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ให้ครบถ้วนโดยเร็ว เพราะประชาชนกลุ่มดังกล่าว หากติดเชื้อโควิด-19 ก็มีโอกาสที่จะป่วยหนักหรือเสียชีวิตได้

หลังจากนั้น ให้จัดสรรวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆ อย่างมียุทธศาสตร์ โดยคำนึงถึงสถานการณ์การระบาดของจังหวัดต่างๆ เพื่อจัดสรรวัคซีนให้อย่างเหมาะสม แล้วจึงเปิดให้ประชาชนทั่วไป ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่งประชาชนที่อยู่ในจุดที่มีการระบาดหนักจะมีแนวโน้มจะได้ฉีดวัคซีนก่อนพื้นที่ที่ไม่มีการระบาด หรือมีการระบาดเบาบาง หากอธิบายให้ประชาชนอย่างชัดเจน ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ และการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศ ก็จะดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และราบรื่น
.
นอกจากนี้ วิโรจน์ ยังได้ตั้งคำถามต่อ แผนการจัดหาวัคซีน AstraZeneca จำนวน 61 ล้านโดส ที่มีกำหนดการส่งมอบในเดือน มิ.ย. 6 ล้านโดส เดือน ก.ค.-พ.ย. เดือนละ 10 ล้านโดส และ ธ.ค. 5 ล้านโดส ที่ถูกโพสต์ไว้ที่สำนักบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีว่า เหตุใดอยู่ดีๆ อธิบดีกรมควบคุมโรค จึงได้ให้สัมภาษณ์ว่า “จำนวนนี้ไม่ใช่ตัวเลข ที่บริษัท AstraZeneca Thailand จะส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาล” ซึ่งเรื่องนี้สร้างความหวั่นวิตกแก่ประชาชน และทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก

ดังนั้น ทางออกต่อปัญหานี้ก็คือ รัฐบาลควรเร่งเปิดเผยสัญญาที่ได้ทำไว้กับ AstraZeneca Thailand และแผนการส่งมอบวัคซีน ตลอดจนเงื่อนไขบังคับต่างๆ ในกรณีที่เกิดการส่งมอบวัคซีนล่าช้าให้ประชาชนได้รับทราบอย่างโปร่งใสโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญาได้ และรัฐบาลควรเปิดเผยกำลังการผลิตวัคซีนของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่ารัฐบาลจะมีวัคซีน AstraZeneca เพื่อฉีดให้กับประชาชนอย่างเพียงพอ ด้วยเหตุที่บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นมูลค่าสูงถึง 600 ล้านบาท ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตวัคซีน ประชาชนซึ่งเป็นผู้จ่ายภาษี และเป็นเจ้าของเงินแผ่นดิน จึงมีความชอบธรรมที่จะรับทราบข้อมูลกำลังการผลิตดังกล่าว
.
“นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ควรต้องออกมายืนยันให้กับประชาชนมั่นใจว่า จำนวนวัคซีน 61 ล้านโดส คือ ยอดวัคซีนที่รัฐบาลต้องได้รับมอบจาก AstraZeneca Thailand เพราะหากตัวเลข 61 ล้านโดสนี้ ไม่ใช่จำนวนวัคซีนที่ AstraZeneca Thailand ต้องส่งมอบให้กับรัฐบาลแล้ว ก็เท่ากับว่า แผนการส่งมอบวัคซีนที่แท้จริง ถูกปิดบังอำพรางมาโดยตลอด ซึ่งทั้งประเด็นการเลื่อนฉีดวัคซีนและการจัดหาวัคซีนนี้ ยืนยันว่า เป็นความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น” วิโรจน์ ระบุ