นายนาฟตาลี เบนเน็ตต์ วัย 49 ปี พันธมิตรเก่าของนายเนทันยาฮู ที่ผันมาเป็นคู่แข่ง ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน พร้อมประกาศจะเยียวยาความแตกแยกของคนในประเทศ หลังจากรวบรวมพรรคการเมืองต่างๆ จัดตั้งรัฐบาลผสมถึง 8 พรรค มีแนวนโยบายและอุดมการณ์แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

หลังผลโหวตในสภาออกมาแล้ว ประชาชนอิสราเอลที่สนับสนุนรัฐบาลชุดใหม่ต่างออกมาเฉลิมฉลองตามท้องถนน อย่างสนุกสนานสุดเหวี่ยงทั้งในกรุงเยรูซาเลม และนครเทลอาวีฟ เพราะถือเป็นการยุติสภาวะการเมืองอัมพาต ที่ไม่มีผู้ชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งต่อเนื่องมาแล้วถึง 4 ครั้ง ตลอด 2 ปีมานี้ จนทำให้นายเนทันยาฮูอยู่ในอำนาจได้ทั้งที่ถูกตั้งข้อหาคอร์รัปชั่น

ส่วนรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มหามิตรของอิสราเอล นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งสารแสดงความยินดีกับรัฐบาลใหม่ในทันที

“ผมตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนเน็ตต์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในทุกมิติ และสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ สหรัฐพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลใหม่ของอิสราเอล เพื่อยกระดับความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ และสันติภาพสำหรับชาวอิสราเอล ชาวปาเลสไตน์ และผู้คนทั่วภูมิภาค” แถลงการณ์ของนายไบเดนระบุ

ด้านนายเนทันยาฮู วัย 71 ปี เจ้าของสถิติผู้นำที่ครองตำแหน่งยาวที่สุด และเป็นผู้นำคนแรกที่เผชิญกับการดำเนินคดีอาญาระหว่างอยู่ในตำแหน่ง ประกาศชัดเจนว่าจะยังไม่ละทิ้งเวทีการเมือง

“ถ้านี่ลิขิตให้เราเป็นฝ่ายค้าน เราก็จะทำหน้าที่อย่างสมภาคภูมิจนกว่าจะคว่ำรัฐบาลอันตรายชุดนี้แล้วกลับมาบริหารประเทศใหม่อีกครั้ง” นายเนทันยาฮู กล่าว

ผู้สนับสนุนนายเนทันยาฮู หัวหน้าพรรคลิคุด ยกย่องให้นักการเมืองรายนี้เป็น “ราชา บีบี” และ “นักมายากล” จากความสามารถในการเอาชนะเลือกตั้งหลายครั้ง ด้วยการดำเนินนโยบายว่าจะทำให้อิสราเอลปลอดภัยมากที่สุดจากกองกำลังของศัตรูในตะวันออกกลาง

แต่ชื่อเสียงของนายเนทันยาฮูค่อยๆ เสื่อมลง โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2562 ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ใช้อำนาจในทางมิชอบ และรับสินบน

ส่วนนายเบนเน็ตต์ ผู้นำคนใหม่ มีจุดยืนคล้ายนายเนทันยาฮูในประเด็นต่อต้านการตั้งประเทศปาเลสไตน์ แต่ล่าสุดในสุนทรพจน์ที่รับตำแหน่ง แทบไม่ได้พูดถึงปาเลสไตน์มากนัก หันไปให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับสหรัฐที่จะควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ชาติอริตลอดกาลของอิสราเอล