วันที่ 13 มิถุนายน 2564 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่าการครองอำนาจของรัฐบาลสืบทอดอำนาจที่ลากยาวมาจนถึงวันนี้ ก่อแต่คำถามที่น่าอดสูใจจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ตามมาทั้งสิ้น เริ่มจากว่ารัฐบาลนี้คิดเองหรือไม่ ขู่ยัดคดีคนตรวจสอบ เป็นสังคมรัฐซ้อนรัฐ ไม่เล่นตามกติกา ถ้าประชาชนนิ่งเฉยก็ต้องอยู่ท่ามกลางความมืดมิดแบบนี้ ถ้ารัฐบาลสืบทอดอำนาจนี้คิดเป็น

การบริการฉีดวัคซีนโควิดก็ควรใช้รูปแบบที่รัฐจัดหาฟรีวัคซีนควบคู่ไปกับวัคซีนทางเลือก ถ้าใครเลือกฉีดวัคซีนทางเลือก หักกลบราคาวัคซีนรัฐ ก็ให้ประชาชนจ่ายเฉพาะส่วนต่างที่แพงขึ้น การฉีดวัคซีนก็จะรวดเร็วตรงใจประชาชน ตัวอย่างอีกเรื่องคือโรงพยาบาลสนาม รัฐควรมอบนโยบายให้ใช้สถานที่และบุคลากรทางการแพทย์ของฝ่ายทหาร ตำรวจ ที่มาสนับสนุนฝ่ายสาธารณสุข พร้อมกับจับมือกับภาคประชาชน มันก็จะรับมือได้อย่างรวดเร็วทันการณ์ในทุกพื้นที่ที่วิกฤติ

การชะล่าใจว่าเยาวชนและคนรุ่นใหม่เขาจะนิ่งเฉยนั้น เดี๋ยวจะรู้สึก เพราะ ณ เวลานี้ พวกเขาขอส่งเสียงว่า การกู้เงินจำนวนมโหฬารของรัฐบาลที่ไปก่อหนี้สินไว้ พวกเขาไม่ขอแบกรับภาระการใช้หนี้คืนอย่างไร้อนาคต จึงมิอาจก้มหัวยอมรับได้และจะลุกขึ้นต่อสู้ เพื่อให้พ้นจากสังคมที่มืดมิด ผนวกเข้ากับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจที่ยากแสนเข็ญเข้าไปอีก

จึงมาถึงบทสรุปที่ว่านายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจคือต้นตอของการก่อวิกฤติทั้งปวง จะต้องออกไป ไม่ว่าจะโดยการลาออกหรือการยุบสภาฯก็ตาม แต่ทั้งสองหนทางนี้ไม่ได้มาจากแรงกดดันของสภาฯหรอก แต่มันจะเกิดจากการบังคับวิถีโดยการลุกฮือขับไล่นายกฯสืบทอดอำนาจของกลุ่มเยาวชนและคนรุ่นใหม่ ซึ่งมาบรรจบเข้ากับภาคประชาชนกลุ่มสามัคคีประชาชนไทยไม่ทนและกลุ่มราษฎรต่างๆ วันที่24มิ.ย.นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นระเบิดเวลาของการขับไล่