นายจตุพร พรหมพันธุ์ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือนปช. กล่าวในเวทีเสวนาออนไลน์ ไทยไม่ทนคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย โดยได้สรุปการขับเคลื่อนของกลุ่มไทยไม่ทนมาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้จะเห็นได้ชัดเจน ว่า

การวางยุทธศาสตร์ เป้าหมายหลักคือการเอาพลเอกประยุทธ์ออกไป ควบคู่กับการ ได้สถาปนารัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชนนั้น เราได้จัดกันมาตามลำดับ

“ ในสัดส่วนของผู้รู้ไม่ว่าจะเป็นซีกการเมือง, นักเคลื่อนไหว, NGO, ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองหลายๆคน ได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น กันอย่างครบถ้วน การไปยื่นหนังสือ ตามที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ เสียงให้บรรดาแม่ทัพนายกอง ทั้งหมด 6 คนเป็นวุฒิสภาโดยตำแหน่ง ซึ่งเป็นการออกแบบเพื่อค้ำบัลลังก์ให้กับพลเอกประยุทธ์ เราก็ไปปักหมุดเพื่อให้มีการลาออก”

ส่วนเรื่องขององค์กรอิสระในช่วงกว่า 15 ปีนี้ นี่คือปัญหาที่ใหญ่มากของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ, คณะกรรมการการเลือกตั้ง,คณะกรรมการป.ป.ช. ก็ไปปักหมุดให้มีการพิจารณาลาออก เพื่อที่จะรีเซ็ตประเทศไทยกันใหม่ และคนสุดท้ายที่ไปยื่นคือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่สร้างปัญหาให้กับประเทศตามลำดับ

สำหรับพรรคการเมือง ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์,พรรคภูมิใจไทย ซึ่งประกาศไม่สังฆกรรมกับพลเอกประยุทธ์ในขณะหาเสียงเลือกตั้ง ก็ไปบันทึกช่วยจำกัน ส่วนพรรคฝ่ายค้าน เราได้ไปเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านได้เสียสละลาออกมาร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชนและในส่วนของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเอง ก็ไปมาแล้ว 2 ครั้ง

“ครั้งแรกเป็นเรื่องเหตุผล ตั้งแต่การตระบัดสัตย์ ในรูปแบบต่างๆ ครั้งที่ 2 เป็นการร่วมกัน ระหว่างรัฐกับทุนผูกขาด ซึ่งพวกเราเองก็ได้ระบุถึงทุนที่มีอำนาจเหนือรัฐ อำนาจเหนือระบอบการปกครอง เหนือรัฏฐาธิปัตย์ บงการทางการเมืองทุกซีก”

นายจตุพรกล่าวว่า เราได้ทำหน้าที่กันอย่างครบถ้วนตามลำดับ และวันที่ 15 มิถุนายนนี้จะไปยื่นหนังสือถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกครั้งในเวลา 10 นาฬิกา เพื่อเป็นบันทึกเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้เป็นการระดมความทุกข์ของประชาชน

ทั้งนี้หลายคนได้ตั้งคำถามว่า ในแต่ละสัปดาห์นั้น กระแสการเคลื่อนไหวของกลุ่มไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนลดลงหรือไม่นั้นส่วนตัวมองว่า เมื่อระหว่างยุทธศาสตร์ ซีกนักการเมือง ซีกนักเคลื่อนไหว NGO ร่วมถึงบุคลากรในแต่ละด้าน จนกระทั่งขณะนี้เป็นเรื่องการระดมคนทุกข์ทั้งแผ่นดิน เพื่อจะเดินไปสู่มาตรการสุดท้ายต่อไป นั่นคือมาตรการลงท้องถนน ขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

“ยุทธการแม่น้ำร้อยสาย อย่างไรก็ตามนั้น ยังเป็นจุดที่เราจะต้องดำรงความมุ่งหมายเพื่อจะนำพาไปสู่ปลายทางของยุทธศาสตร์คือการเอาประยุทธ์ออกไปนั้น ยังจะต้องดำรงอยู่”

นายจตุพรกล่าวต่อว่ามีหลายคนตั้งคำถามถึงวันที่ 24 มิถุนายนนี้จะมีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่นั้นตนอยากบอกว่า พวกเรา ได้มีการประสานกับแต่ละภาคส่วนตามลำและจะได้ติดตามโดยพร้อมเพรียงกัน

“การจะอยู่จะไปของพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานั้น จะเป็นวันใด วันที่ 24 หรือจะเป็นวันใดก็ตามนั้น เราก็พร้อมกันทุกวัน ไปเอากันว่าเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนนี้ เป็นวันการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ 89 ปี ที่ผ่านมานั้นก็เป็นหมุดหมายหนึ่งนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมานั้น ประเทศไทยเราไม่เคยมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริงแม้แต่เพียงวันเดียว”

พร้อมยืนยันว่าการขับเคลื่อนครั้งนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนเพื่อซีกการเมืองใดซีกการเมืองหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของประชาชน ดังนั้นความพยายามของคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยที่พยายามจัดเวทีไทยไม่ทนนั้นเรามีภารกิจ เพราะเราเองก็เล็งเห็นแล้วว่า หากปล่อยให้ประเทศ ตกอยู่ภายใต้คำว่าระบอบประยุทธ์นั้น ประเทศไทยจะเป็นรัฐที่ล้มเหลว คนไทยจะอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง ไร้ซึ่งอนาคตโดยสิ้นเชิง

“ ในระหว่างทาง ใครจะเยาะเย้ย ถากถางนินทาอย่างไรก็ตาม ไม่เป็นปัญหา แต่ว่าทั้งหมดนั้นมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวใดๆทั้งสิ้น เรากำลังเดินเพื่อที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยอย่างแท้จริง”