โฆษกฯเสมา 2 ชี้คนทำเอกสารเท็จ ให้ร้ายพรรคเรื่องฝากเด็ก เปรียบเสมือนมะเร็งร้ายของสังคมไทย กรณีพาดพิงคุณหญิงกัลยา กล่าวหาไม่มีผลงาน ทั้งๆ ที่มีผลงานเชิงประจักษ์อยู่มากตั้งแต่รับตำแหน่ง
วันนี้ (12 มิ.ย.) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวบนโลกออนไลน์มีการเผยแพร่เอกสารเท็จ โดยอ้างว่าเป็นเอกสารหลุดที่มีการระบุว่า ที่ปรึกษารัฐมนตรีท่านหนึ่งของพรรคฝากนักเรียนในสังกัดพรรคเข้าเรียนต่อในโรงเรียนชื่อดัง โดยในเอกสารบางส่วนมีข้อความทำให้เข้าใจได้ว่าที่ปรึกษาท่านดังกล่าว กำลังได้รับการพิจารณาเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการแทนคุณหญิงกัลยาในคราวปรับคณะรัฐมนตรีคราวต่อไปแทน ซึ่งครบวาระตามข้อตกลงของพรรค และยังกล่าวพาดพิงถึงคุณหญิงกัลยาด้วยว่าไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ในฐานะที่ตนทำงานใกล้ชิดกับคุณหญิงกัลยามาตลอดระยะเวลาปีกว่า ได้เห็นถึงความตั้งใจในการขับเคลื่อนนโยบายอย่างต่อเนื่อง จนมีผลงานปรากฏเด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะนโยบาย Coding

“ซึ่งคุณหญิงกัลยาเป็นผู้นำนโยบาย Coding ให้เป็นนโยบายรัฐบาล และผลักดันให้ Coding เป็นวาระแห่งชาติ จนประสบความสำเร็จ ขับเคลื่อนนโยบายมาเพียง 2 ปี มีการอบรมครูเรื่อง Coding ไปแล้วมากกว่า 2 แสนคน เพื่อให้ทั้งประเทศมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการประยุกต์ใช้ Coding ทั้งในภาคการศึกษา และอีกหลาย ๆ ภาคส่วน ภายใต้แนวคิด Coding for All นอกจากนี้คุณหญิงกัลยายังพลิกโฉมอาชีวะเกษตร ด้วยโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งขับเคลื่อนผ่านวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) จนเกิดหลักสูตร นักบริหารจัดการน้ำฯ หรือ “ชลกร” รุ่นที่ 1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกและหลักสูตรแรกในประเทศไทยที่เปิดสอนเรื่องการบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ระดับ ปวส. จนทำให้มีจำนวนนักศึกษาสมัครเข้าเรียนอาชีวะเกษตรและเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวอย่างต่อเนื่อง” นางดรุณวรรณ กล่าว

นางดรุณวรรณ กล่าวด้วยว่า คุณหญิงกัลยาเป็นคนทันสมัย คล่องตัว กระฉับกระเฉง ทำงานทุกวันแม้ในวันหยุดด้วยความตั้งใจที่จะยกระดับการศึกษาไทยให้มีศักยภาพ ทัดเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างคนให้มีสมรรถนะรองรับกับโลกในศตวรรษที่ 21 หลายนโยบายถือเป็นการปฏิรูปการศึกษาไปสู่ตัวผู้เรียนโดยตรง สำหรับบางท่าน ที่ไม่ทราบถึงนโยบายคุณหญิงกัลยา ที่ได้ดำเนินการ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า ไม่ได้เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง แต่ผู้ที่มีเจตนาไม่หวังดี ให้ร้าย บิดเบือน สร้างข่าวเท็จ คนกลุ่มนี้เปรียบเสมือนมะเร็งร้ายบ่อนทำลายสังคม ทำให้ผู้ที่ตั้งใจทำงานให้กับบ้านเมืองอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ต้องเสียกำลังใจ และได้รับความเสียหาย จึงขอประนามกลุ่มผู้ไม่หวังดี เหล่านี้ที่มีเจตนาให้ร้ายทำลายพรรค และสร้างความเสียหายให้กับผู้ที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งนอกจากสมควรได้รับการประนามแล้ว ยังต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย