“เพื่อไทย” ชี้ “ประยุทธ์” ล้มเหลวแต่ปากแข็ง กู้มากจนบวกหนี้ผิด แนะรับความจริง บริหารประเทศจนเจ๊ง

“เพื่อไทย” ชี้ “ประยุทธ์” ล้มเหลวแต่ปากแข็งแถมตกเลข กู้มากจนบวกหนี้ผิด ท้า ถ้าทำหนี้สาธารณะเกิน 60% แสดงว่าบ้าจริง ต้องออกไปเลย แนะ เลิกหลอกตัวเอง ต้องรับความจริงว่าบริหารเจ๊งหนัก

วันที่ 11 มิถุนายน 2564 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผ่านทั้งพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 และพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ที่กลายเป็นอภิมหากู้ที่ทำประชาชนแบกภาระหนี้ ใช้หนี้ชาตินี้จนชาติหน้า มรดกหนี้ที่ลูกหลานไม่ต้องการ ทุกอย่างผ่านฉลุยตามความต้องการ แต่ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ในสภามีลักษณะเหมือนคนที่ป่วยด้วยโรคไบโพล่า คล้ายคนสองอารมณ์สับสนในตัวเอง วันก่อนพล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งจะขอโทษเรื่องปัญหาวัคซีนที่ขาด

อะไรที่ทุกคนไม่สบายใจต้องขอโทษ และจะทำให้ดีที่สุด ห่างเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้าสภาพอโดนตำหนิมากกลับบอกว่าตัวเองทำได้ดีแล้วทุกด้าน ลืมเรื่องที่ตัวเองเพิ่งขอโทษ ความจริงนอกจากจะบริหารล้มเหลวทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง รวมถึงบริหารจัดการวัคซีนและ ควบคุมการระบาด ไม่น่าเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ ยังขาดความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ หรือ คงสอบตกวิชาเลขตอนเด็กๆ หรืออาจจะเรียนเก่งในเมืองทิพย์ แต่โลกของความเป็นจริงสอบตกทุกด้าน

ทั้งนี้เพราะจากข้อมูลสำนักบริหารหนี้สาธารณะ สารภาพเองว่า ถ้าใช้เงินกู้ 100,000 ล้านจาก 500,000 ล้านบาท รวมกับหนี้เก่าจะทำให้หนี้สาธารณะพุ่งถึง 58.56% แสดงว่าถ้ากู้ครบ 5 แสนล้าน หนี้ต้องทะลุ 60% ของจีดีพีแน่ ทั้งนี้ยังไม่รวมการเก็บรายได้ที่จะขาดประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท และ งบประมาณปี 65 จะต้องกู้อีก 7 แสนล้านบาทหนี้สาธารณะอย่างไรก็เกิน 60% พล.อ.ประยุทธ์ พูดเองว่าไม่โง่กู้เกิน 60% ให้ผิดกฎหมาย

แต่ในเชิงเศรษฐศาสตร์ท่านคงไม่รู้ว่าถ้าเกิดหนี้เกิน 60% ของ จีดีพี นั่นก็แสดงว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอาจจะไม่โง่แต่อาจบ้า ยิ่งถ้าขยันด้วยจะไปกันใหญ่ ควรต้องลาออกไปได้แล้ว เพราะคนเป็นนายกรัฐมนตรีสติสัมปชัญญะต้องมี อาจจะไม่สมบูรณ์ตามที่พูด ท่านบริหารไม่เป็นก็ต้องถอย อย่าอ้างว่าเศรษฐกิจแย่เพราะโควิด เคยบอกให้ท่านไปดูประเทศเวียดนาม ประชากรมากกว่าประเทศไทย แต่เศรษฐกิจเวียดนามติดเทอร์โบ โควิดไม่ระคาย คาดปี 2578 อีก 15 ปี จีดีพีพุ่ง 5 เท่าแซงโค้งไทยและไต้หวัน ผงาดอันดับ 19 ของโลก

ความจริงพล.อ.ประยุทธ์รู้สึกตัวช้ามาก คำขอโทษประชาชนควรจะต้องได้ยินตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว ตั้งแต่การยึดอำนาจ วันนี้ปากท้องประชาชนร้องทุรนทุรายมานานเกินเยียวยาจากการยึดอำนาจของท่าน เมื่อก่อนท่านมีแต่ชี้หน้าคน เพิ่งจะได้ยินคำขอโทษรอมานานตั้ง 7 ปี แต่ก็เหมือนแค่ลมปากพูดไม่นานอาการเดิมเริ่มกลับมาอีก การที่พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่ารู้จักอนาคตไหม ก็อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปถามประชาชนและคนรุ่นใหม่ ว่าทำไมมองไม่เห็นอนาคตของประเทศภายใต้การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ และทำไมถึงอยากย้ายออกไปอยู่ประเทศอื่น

อีกทั้ง บทความในสำนักข่าว นิเคอิ เอเชีย เรื่อง เศรษฐกิจไทยจะตกหลุมดำไปอีกนาน ได้เขียนชัดเจนว่าหากเศรษฐกิจโลกฟื้นแต่เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้น ก็แสดงชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหาสะสมมานาน ซึ่งตรงกับที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย เตือนพลเอกประยุทธ์มาโดยตลอด แต่พลเอกประยุทธ์ ไม่เข้าใจ ไม่รับฟังหรือ ไม่รู้เรื่องเลยไม่แก้ไข

พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่าขอให้เข้าใจว่าท่านก็มีชีวิตจิตใจ ถึงแม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม และจะทนอย่างถึงที่สุด แม้นฝ่ายค้านไล่ให้ลาออกไปเหมือนหมูเหมือนหมา แปลกใจที่ท่านบอกว่าจะทนอย่างถึงที่สุดแต่ท่านกลับไม่ทนอย่างที่พูด เพราะถ้าทนจริงก็ไม่ควรไปไล่ฟ้องดำเนินคดีกับประชาชนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ท่าน เพราะท่านเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ตาสีตาสาที่ไหน ท่านอยากให้คนรัก ท่านต้องมองว่าเขาคือประชาชน ท่านจะทนเป็นนายกรัฐมนตรีไปจนถึงเมื่อไหร่ จะกู้อีกกี่ครั้ง ถึงจะพอ การลงจากหลังเสือให้สง่างามต้องเดินลงตอนมีสำนึก อย่าเดินลงเพราะถูกคนไล่ ถึงเวลานั้นชื่อของท่านจะถูกจารึกว่า เป็นคนที่ฝืนทนและเป็นต้นเหตุของมรดกหนี้ที่ทำให้ลูกหลานไร้สิ้นอนาคต ลาออกเถอะค่ะ นางสาวตรีชฎา กล่าว