‘หมอชลน่าน’ สวดยับ ‘ประยุทธ์’ บริหารพลาดทำคนตาย ไล่ลาออกก่อนคนยกเป็นทรราช

“หมอชลน่าน” ร่ายยาว อัด “หมอประยุทธ์” ไร้ประสิทธิภาพแก้โควิด ทำให้วัคซีนกลายเป็นภาระแห่งชาติ เตรียมขุดคุ้ยหาข้อมูลใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมยุปชช. ฟ้อง “นายกฯ” เป็นตัวอย่าง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 มิถุนายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดต่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 2

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นผู้อภิปรายสรุป ว่า สถานการณ์ขณะนี้ประชาชนรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังไร้อนาคต ขณะที่เขาเองกำลังจะบอกว่าจะให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ครม.กู้เงินในอนาคตเขาไปใช้ โดยอ้างว่าจะไปแก้ปัญหาเยียวยา แต่ข้อเท็จจริงที่ประชาชนเห็นคือแก้ปัญหาให้เขาไม่ได้ และในฐานะประชาชนในสภาฯ ก็เป็นที่ทำการแทนประชาชน เป็นสภาประชาชน ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในสภาฯ คือการพูดในนามประชาชน หัวหน้ารัฐบาล นายกฯ มาพูดในสภาฯก็คือพูดกับประชาชน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในสภาฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ในฐานะที่ตนเป็นประชาชน ตนหดหู่มาก ผู้นำประเทศนี้ ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร กลับใช้เวทีแห่งนี้ในลักษณะท่าทีขึ้นเสียง ถกเถียง กร่นด่า กับการวิพากษ์วิจารณ์ของสมาชิก ที่เป็นตัวแทนของประชาชน และการพูดก็ต้องพูดกับประธาน การขึ้นเสียงอย่างนี้ถ้าเป็นตนตนไม่ยอม แล้วจะบอกว่าท่านมีมารยาทหน่อย นี่คือสภาของประชาชน

หมอประยุทธ์ บริหารพลาด เกิดโรคแทรกซ้อน

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องการกู้เงินครั้งที่ผ่านมาเปรียบเทียบให้เห็นว่าการกู้เงินครั้งนี้เหมือนกับการที่เราจะอนุญาตให้หมอที่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไปรักษาคนป่วย ที่เริ่มป่วยตั้งแต่เดือน มกราคม 63 จากการติดเชื้อโควิด หมอที่รักษาขณะนั้นตัดสินใจใช้ยาแรงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ปิดบ้านปิดเมือง คนป่วยโควิดได้รับผลกระทรวงเป็นโรคไตวาย มีโรคแทรกซ้อนคือภาวะเศรษฐกิจล้มเหลว

หลังจากนั้นหมอคนที่มาขออนุญาตกับเราว่าขอรักษาผู้ป่วยโดยขอเงินไป 1 ล้านล้านบาท เฉพาะเงินกู้ที่ผ่านมาตรการการคลังที่เราจะอนุญาตได้ ไม่เกี่ยวกับซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาท และมาตราการการเงินเกี่ยวกับพันธบัตร หรือไปแก้หนี้ ให้กับสถาบันการเงินอีก 4 แสนล้านบาท ซึ่งหมอคนนั้นมาขออนุญาตเรา เราก็อนุญาตไปแล้ว ด้วยเหตุผลว่าจำเป็นเร่งด่วนมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และการมาขอครั้งนี้เป็นการจำเป็นเร่งด่วนมิอาจหลีกเลี่ยงได้เป็นจริงหรือไม่

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า การมาขอเพื่อไปรักษาคนไข้เราให้สรรพกำลังทุกอย่าง จุดประสงค์ของสภาฯที่ให้ไปขณะนั้น ต้องระงับยับยั้งการระบาดของโรคให้ได้ และเยียวยาของคนไข้ที่ชื่อนายประเทศไทยให้อยู่ได้ ไม่ตาย แล้วรัฐบาลฝันหวานว่าเผื่อจะฟื้น ก็มาขอไปอีก4 แสนล้านบาทเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ความคิดดีมาก แต่ในข้อเท็จจริงใช้ไม่ได้ เพราะคุณเป็นหมอ แต่ไม่รักษาผู้ป่วยให้ฟื้นได้เลย ทำท่าจะฟื้นแต่หมอคนนี้รักษาคนไข้ด้วยความประมาทเลินเล่อ ปล่อยให้การติดเชื้อซ้ำครั้งที่สอง

โดยที่หมอคนนี้ไม่สำนึก สำเหนียก ว่าเชื้อมีอยู่รอบด้าน และเกิดการติดเชื้อครั้งที่สาม ด้วยการตัดสินใจผิดพลาด ที่ไม่ใช้ยาแรง เขินอายจากการใช้ยาครั้งที่หนึ่ง จนปล่อยให้แพร่กระจายไปทั้งประเทศ

ขู่ ต้องขุดมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ

“หมอคนนี้จึงด้อยความรู้ความสามารถมาก ทำให้คนไข้ติดเชื้อซื้อ ขณะนี้ใส่เครื่องหายใจอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน หมอคนนี้บอกว่าเงินเหลืออยู่ 1.9 หมื่นล้านบาท อนุมัติไปหมดแล้วแต่สถานการณ์ย่ำแย่มาขอต่ออีก 5 แสนล้านบาท จึงมาถึงจุดที่ว่าเราจะอนุญาตให้หมอนคนนี้หรือไม่ เพราะไม่ใช่เงินของเรา แต่เป็นเงินของลูกหลานในอนาคตที่ต้องกู้มา และถ้าโรคระบาดในประเทศไทยประเทศเดียว ตนจะไม่ว่าหมอประยุทธ์เลย แต่นี่ระบาดทั้งโลก”

“การบริหารวัคซีนที่บอกว่าเป็นวาระแห่งชาติ แต่บริหารให้เป็นภาระแห่งชาติ เมื่อรู้อยู่แล้วว่าวัคฉีนเป็นทางออก แต่ทำไมบริหารอย่างนี้ มันสายเสียแล้ว สิ่งที่สะท้อนอย่างเจ็บปวดคือสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปทำลายระบบสาธารณสุขอย่างชัดเจน ตนไม่เคารพความสามารถท่าน ดังนั้น สิ่งที่ท่านมาขอในฐานะที่เราจะให้เงินอนาคตของลูกหลาน สมควรจะอนุญาตหรือไม่ 5 แสนล้านบาทที่ให้ไประงับการเกิดโควิดไม่ได้ ไม่มีความมั่นใจ และการแก้ปัญหาของหมอประยุทธ์ ขอถามว่าทำไมล้มเหลว แก้ไม่ได้ มีการตั้งข้อสังเกตุว่าน่าจะมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง 1.ผลประโยชน์ทางการเมือง 2.เม็ดเงิน ซึ่งจะต้องไปขุดคุ้ยแล้วเอามาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ได้”

แนะประชาชน ฟ้องหมอตู่ บกพร่อง รับผิดทางละเมิด

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การกู้เงิน 5 แสนล้านบาท สภาฯไม่ได้ติดใจในการนำเงินไปใช้ กู้มากกว่า 5 แสนล้านบาทเราก็อนุมัติ หากสามารถช่วยแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นเศรษฐกิจได้จริง ก่อนหน้านี้ตนบอกว่าโครงการฟื้นฟู ไม่ควรอยู่ในพ.ร.ก.ฯ ผลออกมาเหมือนเฟสแรก โครงการถมเข้ามาไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีผลค่าตอบแทน ถ้าเอาโครงการนี้เข้าสู่งบประมาณปกติจะมีผลประโยชน์กว่ามาก ซึ่งทำได้ควบคู่กันไปกลับไม่ทำ แต่กลับขอตีเช็คเปล่า อนุมัติโดยคนกลุ่มเดียว ได้อำนาจพิเศษ จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง

“การกู้ใครก็กู้ได้ แต่ถ้ากู้มาใช้เหมือนที่ท่านขณะนี้ คือหนี้ หายไป หายไป หากกู้มาเพื่อก่อให้เกิดรายได้ เขาเรียกทุน ท่านจะกู้หนี้หรือกู้ทุน มันจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร อนาคตลูกหลานเรามีความหวั่นวิตกตรงนี้ หมอคนนี้รักษาคนไข้ทำให้คนไข้อาการแย่ไปจากปกติ หายใจได้ดี แต่ต้องมาใส่ท่อช่วยหายใจ ขณะนี้จะเอาเงิน 5 แสนล้านบาทไปใส่ มันทำไม่ได้ ไม่มีทางฟื้น เราไม่อนุมัติ”

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า สภาฯแห่งนี้เราจะยกเลิกใบอนุญาตไม่ให้เขาเป็นหมอต่อไปหรือไม่ ทั้งที่รู้ว่าประกอบวิชาชีพต่อไป ความสูญเสียจะเกิดขึ้น ประชาชนเจ็บป่วยล้มตาย เกิดโรคแทรกแซงทั้งโรคทางด้านเศรษฐกิจ โควิด โรคสัตว์ระบาด เราจะปล่อยให้เขารักษาประเทศนี้ต่อไปหรือไม่ ต้องถอนใบอนุญาต เพราะหากปล่อยไว้ สิ่งที่จะเกิดขึ้น ขอกราบเรียนท่านประธานผ่านไปยังประชาชน สามารถใช้สิทธิในการร้องเอาผิดทางละเมิดให้เยียวยาและชดใช้ เงินที่เยียวยาชดใช้ที่ให้ไป ทำตามกฎหมายที่เราบังคับให้ทำ แต่ความสูญเสียรายบุคคล สามารถฟ้องร้องเป็นความประมาท เลินเล่อ ผิดพลาด บกพร่อง ฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องรับผิดทางละเมิด

“ท่านทำให้มีคนตายโดยไม่ถึงวัยอันควรจากการประมาท เมื่อท่านทำให้เขาตาย พิการ เจ็บป่วย ย่อมมีคดีเป็นอาญาแผ่นดิน ขอยุให้ประชาชนฟ้องเป็นตัวอย่าง เพื่อจะได้ตัวอย่างว่าผู้นำรัฐบาล ผู้นำประเทศที่ทำให้เกิดความเสียหาย ประชาชนล้มตาย ถูกประชาชนฟ้อง หมอประยุทธ์ต้องถูกถอนใบอนุญาต ใบประกอบวิชาชีพ เพราะถ้าปล่อยไว้ ความบิดเบี้ยวของบุคลิกภาพ ภาวะผู้นำ การตัดสินใจทำให้คนตายเสียหายได้ ”

ไล่ไปลาออก ก่อนคนสรรเสริญเป็นทรราช

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ฝ่ายค้านทั้งหมดไม่เห็นชอบที่จะอนุมัติพ.ร.ก.ฉบับนี้ หลายคนบอกชัดเจนกระดาษ 5 หน้าไม่เห็นหัว ไม่เห็นค่าประชาชน ฉีกทิ้งเลย เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสมาชิกกล้าหาญที่จะทำแบบนี้เพื่อบอกว่ามันไร้ค่า ไม่เห็นหัวประชาชน คนที่ส่งเข้ามาจะได้มีจิตสำนึก ดังนั้น เมื่อไร้ค่าไม่เห็นหัวประชาชน ข้อสรุปคือ 1.เราไม่เห็นชอบเพราะเราให้ไปแล้วไม่สามารถระงับยับยั้งโรคระบาด เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ 2.ไม่เห็นชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 272 เพราะไม่มีความจำเป็น เร่งด่วน จนกระทั่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แทนที่จะอยู่งบประมาณแต่กลับมาเป็นกฎหมายพิเศษ ท่านชาชินกับการบริหารประเทศด้วยกฎหมายพิเศษมาตลอด ทำตามกฎหมายปกติไม่เป็น

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า 3.ผู้นำไม่มีความเหมาะสมเป็นผู้นำ ทั้งนี้ตนต้องการความเชื่อมั่นจากผู้นำ และ 4. การฟื้นประเทศ ยับยั้งวิกฤต โรคระบาด และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำ ส่วนที่บอกว่าจะยุบสภา และอีก 1 ปี ขณะนี้มีสัญญาณแก้รัฐธรรมนูญและไทม์ไลน์เป็นไปตามนั้น เพราะคิดว่าได้พวกของท่านจะได้ประโยชน์

“หากท่านลาออก ประชาชนจะยกย่องเป็นวีรบุรุษ ดังนั้นขอให้ท่านออกเพื่อบ้านเมือง แต่หากดื้อต่อไป จะเป็นคนที่ประชาชนเกลียดชัง และขนามนามว่าเป็นทรราช เพราะท่านทำร้ายและเข่นฆ่าประชาชน ดังนั้นขอให้ออกเพื่อบ้านเพื่อเมือง ” นพ.ชลน่าน กล่าว