มงคลกิตติ์ สารภาพกลางสภา เสียดายยกมือเลือก “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ชี้เป็นความผิดมหันต์ เหน็บหน้าทน

“มงคลกิตติ์”เหน็บ “บิ๊กตู่” หน้าทน สารภาพกลางสภา เสียดาย 2 ปี ยกมือเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ชี้ เป็นความผิดมหันต์

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุมพิจารณา พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดต่เชื้อไวรัสโคโนนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ

ต่อมา เวลา 13.55 น. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายว่า จากการที่ตนเป็นผู้แทนราษฎร ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา มีความรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี รอบสอง เพราะถ้าไม่เลือกเขาในวันนั้น ตนเชื่อว่า เขายกเลิกการเลือกตั้งแน่นอน เพราะจะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

และอย่างน้อย มาตรา 44 และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็จะหายไป ตนไม่คิดว่าคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานให้รัฐ และเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มา 4 ปี และเป็นนายกฯ 5 ปี ทั้งๆที่รู้ทุกเรื่องก็น่าจะมีความสามารถและมีความสุจริต กว่ารัฐบาลที่มาจากพลเรือน แต่พอระยะเวลาผ่านไป 2 ปี ตนได้ประเมินความสามารถทุกด้านของนายกฯ ว่ามีความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์ โควิด-19 ได้มากน้อยแค่ไหน สุดท้ายก็แก้ไม่ได้ มีแต่ถ่วงเวลา และแก้แบบเลี้ยงไข้ ปล่อยให้ผู้ป่วยจำนวนมากตายไปอย่างไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีรถพยาบาลมารับจนต้องตายคาบ้านจำนวนมาก

นายมงคลกิตติ์ อภิปรายว่า ตอนนี้ประชาชนต้องการวัคซีนอย่างมาก แต่รัฐบาลก็หาวัคซีนแบบเชื่องช้า ไม่รู้รออะไร หรือรอตกลงค่าส่วนแบ่ง ค่าคอมมิชชั่นหรือไม่ ทั้งยังปฏิเสธเข้าร่วมโคแวก ปฏิเสธไฟเซอร์ เดิมอาจจะวางแผนให้ประเทศไทยมีวัคซีนแค่สองยี่ห้อ แต่เมื่อถูกจับได้ก็เปิดให้มีหลายยี่ห้อ แต่ก็มีเงื่อนไขและขั้นตอนมาก ตนจึงมาทบทวนว่าสิ่งที่ตนตัดสินใจเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นความผิดมหันต์ เป็นความผิดจริงๆ

เพราะตนเป็นหนึ่งในเสียงที่เปิดประตูให้นายกฯ คนนี้ ที่ด้อยความรู้ความสามารถมาบริหารประเทศ เป็นนายกฯ​ที่อวดฉลาดที่สุด ดูถูกผู้อื่น ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ชอบเอาชนะแม้กระทั่งประชาชนตาดำๆ ซึ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ตนไม่เคยคิดมาก่อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะมีความสามารถในการสร้างหนี้อย่างมหาศาลให้กับประเทศไทยและประชาชนจนชั่วลูกหลานเหลนโลนขนาดนี้

นายมงคลกิตติ์ อภิปรายต่อว่า ท่านบริหารประเทศมา 5 ปี ก็กู้ขาดดุลงบประมาณไปถึง 2.2 ล้านล้าน และยังกู้เงินไปจำนวนมาก แต่ยังไม่มีวี่แววว่า จะควบคุมสถานการณ์ โควิด-19 ได้เลยประชาชนไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าว ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมให้ลูก หนี้สินล้นพ้นตัวพังพินาศ คนจำนวนมากอยู่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เหลือรอด ร่ำรวยเฉพาะเจ้าสัวที่อยู่ใกล้คณะรัฐมนตรี (ครม.) จากเหตุผลที่ตนกล่าวมา หากประเทศไทยยังมีนายกฯ ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ประเทศชาติและประชาชนคงสิ้นหวัง แม้พ.ร.ก.กู้เงิน 5 ล้านบาท จะผ่านสภาฯ ก็จะผิดกฎหมาย

“ผมอยากถามนายกฯ ว่าท่านจะมีเงินใช้หนี้หรือไม่ แต่เท่าที่ดูหนังหน้านายกฯแล้ว ท่านหน้าทนเหลือเกิน หากทนอยู่ในตำแหน่งต่อไปท่านอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ อยู่ไปก็มีแต่ประโยชน์กับตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ผมเห็นแล้วว่านายกฯ ไม่มีประโยชน์สำหรับประเทศไทยและประชาชนไทย รังแต่จะเป็นภาระของแผ่นดินไม่รู้จบ” นายมงคลกิตติ์ กล่าว