“ไทยไม่ทน” จี้ฝ่ายค้านลาออกยกคณะ เหตุตรวจสอบรัฐบาลไม่ได้

วันที่ 9 มิถุนายน 2564 เมื่อเวลา 10.45 น. บริเวณประตูทางเข้ารัฐสภาเกียกกาย ฝั่งทางวัดแก้วฟ้าจุฬามณี กลุ่มไทยไม่ทน “คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35,นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช.,นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน,นายไทกร พลสุวรรณ เลขาธิการแนวร่วมอีสานกู้ชาติ, นางพะเยาว์ อัคฮาด, นายยศวริศ ชูกล่อมหรือเจ๋ง ดอกจิก , แกนนำนปช., นายพงษ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง,นายจอมพล รุ่งเรืองชูเลิศ คณะปราบโกงชาติ, ยื่นหนังสือถึงส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ผ่าน นายสุทิน คลังแสงประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายค้านลาออกทั้งคณะ เพราะไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลและปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติได้

นายอดุลย์ กล่าวว่า วันนี้ทางกลุ่มไทยไม่ทนคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยนำหนังสือมายื่นต่อประธานวิปฝ่ายค้านเพื่อขอให้บอกกับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ว่า ในเมื่อพวกท่าน ทำการตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร ดังนั้นขอให้ ออกมาต่อสู้ร่วมกับประชาชนดีกว่า เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้

นายจตุพร กล่าวว่า แบบนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ ไม่ใช้วิธีการที่จะฟังเหตุผล ในการที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ดังนั้นตนไม่ต้องการใช้คำพูดว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา แต่มันเลวร้ายยิ่งกว่าคำนี้มาก ขณะนี้มีการข่มขู่สมาชิก รัฐสภาหลากหลายรูปแบบ เช่นกันการขู่จะยุบสภา หรือแม้กระทั่งในทางการข่าวว่าจะลาออกเพื่อกลับมาใหม่ และในช่องว่างนั้นก็จะเปิดตลาดซื้อนักการเมืองครั้งใหญ่กันอีกรอบ

“ งูเห่าก็จะเต็มกันอีกครั้ง เพื่อจะได้รับเลือกเข้ามาในรอบที่ 2 เพื่อจะอ้างความชอบธรรม ผมพูดชัดเจนว่า ขบวนการประชาธิปไตย จะต้องไม่ปล่อยให้เผด็จการไปแบบดีๆ เช่น ได้ใช้งบประมาณปี 56 ได้ใช้งบเงินกู้แล้วยุบสภา และ ก็ใช้กลไกเพื่อผลประโยชน์ เพื่อกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง”

ทั้งนี้เป็นที่ทราบว่าองค์ประกอบตามรัฐธรรมนูญ ปี60 นั้น จะให้การคุ้มครองคณะยึดอำนาจ แล้วท้ายที่สุดนั้น คนเหล่านี้ก็จะกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านเป็นที่ทราบกันดีว่า ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ แต่ก็รู้ว่าท้ายที่สุดพวกมากลากไป ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างแท้จริง

“ วันนี้คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย เห็นว่าเมื่อไม่สามารถ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ และการอยู่ก็ยิ่งสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาล ที่มาจากการสืบทอดอำนาจมากยิ่งขึ้น เพราะถัดจากนี้ผมเองก็ไม่เห็นประโยชน์ว่า การที่ฝ่ายค้านจะดำรงอยู่เพื่อจะเป็นเครื่องประดับให้เห็นว่านี่คือประชาธิปไตย ทั้งที่เราเองก็เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่ และยิ่งหากปล่อยปละละเลยต่อไปนั้น ความศรัทธาก็จะยิ่งเสื่อมต่อระบบรัฐสภาตามลำดับ”

ดังนั้นพวกเราเองก็มาร้องขอว่า เมื่อไม่สามารถหยุดยั้ง พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดิน และพ.ร.ก.เงินกู้ได้ รวมกระทั่งเรื่องราวอื่นๆ ส่วนตัวก็มองว่าการออกมาต่อสู้กับประชาชน เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนั้นจะทรงคุณค่า และซีกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ในขณะนี้จะได้กลับมาทำหน้าที่ บริหารประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป แต่หากปล่อยให้ระบอบประยุทธ์ดำรงอยู่ไปตามการวางแผนของเขา เช่น เอางบประมาณลงอย่างเต็มที่แล้วไปเลือกตั้ง ซีกนี้ก็จะยึดอำนาจต่อไปอีก ส่วนซีกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยก็จะยิ่งห่างไกลจากการทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาชาติออกไปตามลำดับ

ดังนั้นการมาวันนี้มาด้วย ความปรารถนาดีระหว่างกัน และเห็นว่าการทำหน้าที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะตนก็เห็นว่าเส้นทาง ยุบสภาหรือแม้กระทั่งเส้นทาง ที่จะซื้อขายนักการเมืองกันอีกรอบอย่างอุจาดนั้นเป็นความเร็วร้ายที่สุด

“ ผมไม่เคยเจอ ว่าการซื้อแล้วก็ยังลอยหน้าลอยตากันอยู่อย่างไม่รู้สึกรู้สา และถ้าปล่อยให้มีการซื้อกันอีกรอบ ความเสื่อมก็จะบังเกิด เพราะฉะนั้นผมก็เชื่อว่าอำนาจ นอกระบบก็จะกลับมาอีกครั้ง”

ดังนั้นตนหวังว่า หากฝ่ายค้านได้ร่วมกันเสียสละ มายืนเคียงข้างฝ่ายประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศตนก็เชื่อว่า ฝ่ายค้านก็จะกลับมาทำหน้าที่ ในการแก้ไขปัญหาชาติ เพราะเห็นแล้วว่า ระบอบประยุทธ์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติได้ในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ covid-19พาพังทั้งเศรษฐกิจสังคม การเมืองทุกรูปแบบ พร้อมยืนยันว่าการทำหน้าที่เพื่อประชาชนนั้น ไม่ได้ติดยึดว่าจะต้องเป็นสีใดฝ่ายใด แต่เห็นว่าทุกฝ่าย ต้องร่วมกันเสียสละ

นายวีระ กล่าววว่า วันนี้เรามายื่นหนังสือต่อประธานวิปฝ่ายค้าน และพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดเพื่อที่จะให้พรรคฝ่ายค้านลาออกมาร่วมกับประชาชนจะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของระบอบเผด็จการกบฏ ประยุทธ์ ทั้งนี้มี 2 เหตุผลหลักที่จะสามารถหยุดยั้งความเลวร้ายระบอบประยุทธ์คือ หากพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถถ่วงดุลหรือไม่สามารถตรวจสอบ การบริหารของเผด็จการกบฏที่ทำงานไม่เป็น และไม่สามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ พรรคฝ่ายค้านควรรีบลาออก เพื่อมาอยู่กับฝ่ายประชาชน จะมีศักดิ์ศรีและความชอบธรรมมากกว่าที่จะไปสร้างความชอบธรรมให้กับพวกกบฏ

ส่วนเหตุผลข้อที่ 2 หากไม่สามารถหยุด พระราชกำหนดเงินกู้ 5 แสนล้านบาท รวมถึงหยุดพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 และ การแก้สถานการณ์ covid-19 ที่ล้มเหลว ซึ่งรัฐบาลมีการปกปิดความจริงปล่อยให้ประชาชนเสียชีวิตกับการแพร่ระบาดของโรคร้าย อีกทั้งฝ่ายค้านยังถูกขู่ว่า อาจจะมีการยุบสภา ซึ่งแสดงถึงการไม่ให้คุณค่ากับพรรคฝ่ายค้าน ดังนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านควรลาออกตั้งแต่ตอนนี้เพื่อมาร่วมกับประชาชนซึ่งเราเชื่อมั่นว่าพรรคฝ่ายค้านจะเห็นแก่ผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสำคัญ มากกว่าที่จะไปสนับสนุนรัฐบาลกบฏ

ด้านนายสุทิน คลังแสงประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนในฐานะ ที่เป็นตัวแทนของฝ่ายค้านมีความจริงใจ และเข้าใจเจตนาของ คณะไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ที่มายื่นในวันนี้ และเห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อชาติบ้านเมือง พร้อมระบุว่าที่ชัดเจนที่สุด เรามีจุดร่วมที่ไม่ต่างกันก็คือ เราอยากให้รัฐบาล ได้บริหารบ้านเมือง โดยคำนึงถึงเสียงและความต้องการ รวมถึงความเดือดร้อนของประชาชน และที่สำคัญที่สุดที่เห็นตรงกัน คือเราต้องรักษาระบอบรัฐสภาไว้ และเข้าใจได้ว่าที่ทางคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยดำเนินการในครั้งนี้ ด้วยเล็งเห็นว่า มาถึงจุดที่วันนี้รัฐสภาจะเสื่อมและจะไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน พร้อมยอมรับว่าการทำงานของฝ่ายค้าน 2 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถหยุดยั้ง ความคิด หรือวิถีทางที่รัฐบาลที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย รวมถึงยังไม่สามารถถ่วงดุลตรวจสอบได้

โดยนายสุทินชี้ว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคของการทำงานฝ่ายค้าน คือองค์กรอิสระ ดังนั้น ฝ่ายค้านจะทำงานได้ดีต้องมีองค์ประกอบภาคสังคม ต้องอยู่ภายใต้องค์กรอิสระและกระบวนยุติธรรมที่เข้มแข็งและเป็นธรรม บางครั้งการตรวจสอบรัฐบาล เมื่อเราชงไปแล้วมันไปจบที่กระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระ ดังนั้น ส่วนตัวเห็นเจตนาของคณะที่มายื่นวันนี้ว่ามาตรการหนึ่ง ซึ่งเราจะต้อง หยุดยั้งและทำให้บ้านเมืองกลับมาสู่วิถีที่ประชาชนพึงปรารถนา

“ การที่จะต้องกดดัน รัฐบาลในหลายรูปแบบ รูปแบบหนึ่งก็คือให้ฝ่ายค้านลาออก ก็เป็นวิธีคิดที่มีเหตุผล ถ้าเราสามารถทำวิธีนี้ แล้วรัฐบาลเปลี่ยนความคิด หันมารักษาประชาธิปไตย หันมาเอาความทุกข์ร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมคิดว่าเรายินดีลงทุน”

นายสุทินกล่าวว่าจะนำข้อเสนอนี้เข้าสู่ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้พิจารณาอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล โดยจะต้องพิจารณา ว่าวิธีการเช่นนี้ จะได้ผลหรือไม่ หรือจะเป็นการปิ้งปลาประชดแมวหรือเปล่า อันนี้จะต้องดูกันก่อน