“ประยุทธ์” เร่งรัด ครม. ส่งการบ้าน ย้ำต้องมีผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี เพื่อส่งงานต่อรัฐบาลหน้า

“ประยุทธ์” เร่งรัด ครม. ส่งการบ้าน ย้ำต้องมีผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี เพื่อส่งงานต่อรัฐบาลหน้า

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า หลายเรื่องที่ได้มีการหารือในที่ประชุม ครม. ซึ่งตนมีความเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ว่าทำอย่างไรจะให้หลุดพ้นจากความยากจนได้โดยเร็วที่สุด

ได้สั่งการและมอบนโยบายไปแล้วว่าจำเป็นต้องเร่งรัดหลายกิจกรรมในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ยังเหลืออยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน และเตรียมพร้อมที่จะทำอะไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ส่งต่อให้กับรัฐบาลวันข้างหน้าต่อไป เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ตามแผนงาน 1 ปี และแผนงานระยะปานกลาง 3 ปี ยุทธศาสตร์ 5 ปี นั่นคือความต่อเนื่องและสอดคล้อง สุดแล้วแต่รัฐบาลใดจะเข้ามารับผิดชอบกันต่อไป ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่ต่อเนื่อง แล้วจะทำไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือคือการปฏิรูปการศึกษา ซึ่ง พ.ร.บ.การศึกษาได้เสนอเข้าสู่การพิจารณาแล้วในขณะนี้ ซึ่งมีการแก้ไขบางอย่าง ปัญหาการศึกษาของไทยไม่ใช่ล้มเหลวไปทั้งหมด หลายอย่างจำเป็นต้องปรับให้ทันยุคสมัยตามสถานการณ์โลกและสถานการณ์ปัจจุบัน และภายใต้บริบทของประเทศไทย ของคนไทย

ซึ่งแต่ละประเทศมีความแตกต่าง ดังนั้นต้องหาวิธีการที่เหมาะสมและถูกต้อง ทั้งในส่วนบุคลากร หลักสูตร และองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษา จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และบรรดา ส.ส. ก็ต้องขอความร่วมมือด้วยในการพิจารณา พ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อที่จะดำเนินการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบให้ได้โดยเร็ว

“ขอยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้กับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ละเว้นใครแม้แต่คนเดียว จะทำให้มากที่สุด และทุกจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะคนรักคนชอบ มันไม่ใช่ ผมไม่ได้ทำงานแบบนั้น จะเห็นได้ว่าหลายอย่างมีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ ผมก็ไปโกรธเคืองกับใครไม่ได้ ขอให้ระมัดระวังความขัดแย้งที่มันจะเกิดขึ้น ทำให้บ้านเมืองไม่มีเสถียรภาพ และทำให้การทำงานต่าง ๆ มันเป็นไปไม่ได้ แผนงานโครงการต่าง ๆ เดินหน้าต่อไปไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันงบประมาณที่มีอยู่จะใช้อย่างคุ้มค่า รัฐบาลเอง นายกรัฐมนตรีก็ได้มีการย้ำในที่ประชุม ครม. เสมอมาให้ระมัดระวังการทุจริต ระมัดระวังความไม่โปร่งใสไม่เป็นธรรมอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งมีคำพูดคำกล่าวมามากมายในขณะนี้

ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลหรือ ครม.มีหน้าที่ในการอนุมัติหลักการและการดำเนินการ อนุมัติการใช้จ่ายเงิน แต่ในขั้นตอนการดำเนินการเป็นเรื่องของหน่วยงาน คณะกรรมการต่าง ๆ จะต้องรับผิดชอบ ตนรับผิดชอบในฐานะเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร

“ขอให้รับฟังคำชี้แจงอันเป็นประโยชน์เป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณางบประมาณต่าง ๆ ในชั้นกรรมาธิการ และยืนยันว่าหากมีงบประมาณอะไรที่มีการแปรญัตติมาแล้ว ผมจะนำมาดำเนินการบริหารเพิ่มให้มากขึ้นในส่วนที่ลดน้อยลงตามความจำเป็น อันนี้เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารที่จะต้องรับผิดชอบต่อไปในอนาคตด้วย ขอความร่วมมือกับทุกท่านแค่นั้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ในปัจจุบันสถานการณ์หลายประเทศเริ่มฟื้นฟูเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสุขภาพด้วย ซึ่งหน่วยงานต่างประเทศประเมินว่าในปี 65 หลายอย่างน่าจะดีขึ้นในทุกภูมิภาคของเรา ดังนั้นเราจะต้องเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างท้าทายว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจของเราเดินหน้าได้

วันนี้ต้องหวังพึ่งเศรษฐกิจรอบบ้าน ซึ่งมีสถิติสูงขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์ หรือ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ 5 แสนกว่าล้านบาทในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเราตั้งเป้าไว้ประมาณ 1 แสนล้านบาท จากเศรษฐกิจชายแดน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบประเทศเราด้วย ซึ่งเราต้องติดตามสถานการณ์ในทุกมิติ

ขณะนี้มีการประชุมร่วมกันหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเศรษกิจใหญ่ๆทั้ง จี 7 จี 10 และอีกหลายเวทีโลก ซึ่งได้มีการประชุมหารือในเรื่องเศรษฐกิจในอนาคต เราก็ต้องเตรียมการให้พร้อมรับมือกับพันธสัญญาในเรื่องต่าง ๆ ที่มีอยู่ เพราะเราอยู่ในห่วงโซ่ของเขาหมด ทั้งเรื่องของการค้า การลงทุน ซึ่งมีกติกามากมายออกมา เราต้องเตรียมความพร้อม

ทุกคนต้องเข้มแข็ง อดทน และเพิ่มขีดความสามารถของตัวเองให้สอดคล้องกับมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้ออกมาในช่วงเวลานี้ ซึ่งก็มีมาตรการออกมาเป็นจำนวนมากที่บางทีก็ดูว่า ไม่สำเร็จซักเรื่อง แต่อย่าลืมว่า เรามีคนจำนวนมากที่เดือดร้อนในหลายอาชีพ เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของเรา

“ผมได้ย้ำว่าในอีก 1 ปีนี้ จะต้องมีผลสำเร็จที่จับต้องเป็นรูปธรรมได้ว่าเรามีการแก้ไขปัญหาอะไรไปแล้วบ้าง และอีก 1 ปี ข้างหน้าจะทำอะไร เตรียมแผนเอาไว้ แผนงานทั้งหมดไม่ใช่นายกฯเป็นคนกำหนดทั้งหมด แต่เป็นแผนงานที่เสนอมาจากข้างล่าง จำนวนหลายหมื่นโครงการ ผ่านอนุกรรมการ ผ่านคณะกรรมการ จนมาถึงระดับนโยบายบริหาร ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ เราทิ้งกันไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามระเบียบราชการทุกกรณี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า “ในฐานะนายกรัฐมนตรี อยู่กับท่านมาหลายปีมาแล้ว ทุกคนก็คงทราบดีว่ามีความตั้งใจอย่างไร เจตนาของผมเป็นอย่างไร ขอเพียงให้ทุกคนเข้าใจ ผมไม่เคยบังคับอะไรท่านได้ เพราะเป็นเรื่องของประชาชนที่ต้องการ ผมก็ฟังทุกคนทุกภาคส่วน”