ร้านอาหารซมพิษเจ๊งระนาว-ปิดกิจการถาวรอื้อ! โอดเข้าไม่ถึงเงินทุนติดเงื่อนไข วอน รมว.คลังช่วย

วอน‘อาคม’ช่วยด้วย! ร้านอาหารซมพิษโควิดเจ๊งระนาว-ปิดกิจการถาวรอื้อ โอดเข้าไม่ถึงเงินทุนติดเงื่อนไขข้อจำกัดของธนาคาร
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ได้เข้าพบและหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เพื่อขอให้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะนี้ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักจนหลายรายต้องปิดกิจการถาวร อีกทั้งมีปัญหาเข้าไม่ถึงมาตรการช่วยเหลือทางการเงินต่างๆ ด้วยติดเงื่อนไขข้อจำกัดของธนาคาร โดยร้านอาหารทำรายได้ให้กับประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาทมาตลอด แบ่งเป็น ร้านอาหารขนาดกลาง-ใหญ่ มีจำนวน 150,000 ราย และไมโครเอสเอ็มอี หรือ สตรีตฟู้ด อีก 400,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นนิติบุคคล 15,000 ราย ที่เหลือเป็นประเภทบุคคลธรรมดา

ดังนั้น จึงมีข้อเสนอให้พิจารณาช่วยเหลือ ดังนี้ 1. ออกมาตรการพักชำระเงินต้น-ดอกดอกเบี้ย ธนาคารและไฟแนนซ์ ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี โดยรัฐบาลจ่ายดอกเบี้ยแก่ธนาคารแทนผู้ประกอบการ

2. วงเงินเดิมที่ธนาคารของรัฐยังคงมีเหลือ ขอให้ผ่อนปรนเงื่อนไขการขอกู้ต่างๆ โดยขอวงเงินกู้ให้เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายประจำของกิจการช่วง 6-12 เดือนถัดจากนี้ โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ผ่อน 3-5 ปี ใช้ บสย. ค้ำประกัน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์จำนอง ซึ่งบางร้านอาหารต้องการ 3-5 แสนบาทเท่านั้น และขอให้ใช่ฐานการเสียภาษีตามแบบแสดงรายได้ ภงด.90 สำหรับผู้ประกอบการแบบบุคคล และภงด.50 สำหรับนิติบุคคลในการพิจารณาปล่อยกู้สินเชื้อดอกเบี้ยต่ำ 30% ของรายได้ในปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ยังไม่มีปัญหา

3. ขอแบ่งวงเงินตามมาตรการพักทรัพย์พักหนี้จำนวน 2 หมื่นล้านบาท ให้สิทธิกับผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีสถานประกอบการเป็นของตัวเองซึ่งติดจำนองกับธนาคารได้แก้ปัญหาหนี้สินและเช่าทำธุรกิจต่อ 5 ปี ซึ่งร้านอาหารจะมีโอกาสฟื้นตัวเร็วกว่าธุรกิจประเภทอื่น

4. จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูสนับสนุนกิจการร้านอาหาร เพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตเช่นนี้ในอนาคตอีก โดยกองทุนนี้มีภาระกิจหลักคือการฟื้นฟู และสนับสนุนกิจการร้านอาหารให้ดำเนินกิจการต่อไปในสถานการณ์วิกฤตต่างๆ เช่น เป็นแหล่งเงินทุนสำรองค่าใช้จ่ายประจำต่างๆ เพื่อให้ร้านอาหารยังคงเปิดต่อไปได้ มีการจ้างงาน มีการใช้จ่ายเชื่อมโยงไปยังซัพพลายเชนต่างๆ ลดภาระของภาครัฐลงได้