“ไทยไม่ทน” ยื่นจี้ “มีชัย” แสดงความรับผิดชอบ ร่วมกับปชช.ขับไล่ระบอบประยุทธ์

วันที่ 4 มิถุนายน 2564 เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กลุ่มไทยไม่ทน “คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำย นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช.,นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน,นายไทกร พลสุวรรณ เลขาธิการแนวร่วมอีสานกู้ชาติ, นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือ ครป., นางพะเยาว์ อัคฮาด, หมู่อาร์ม หรือส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี ผู้เปิดโปงการทุจริตในกองทัพบก, นายยศวริศ ชูกล่อมหรือเจ๋ง ดอกจิก, นายพงษ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง, นายสุริยา ชินพันธ์,นายจอมพล รุ่งเรืองชูเลิศ คณะปราบโกงชาติ, นายเศวต ทินกูล อดีต ส.ส.ร.ปี 50 ยื่นหนังสือถึงนายมีชัย ฤชุพันธ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ.นางรัชนี สังข์ทองงาม ผอ สำนักงานเลขาธิการ เพื่อให้แสดงความรับผิดชอบกรณีร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 สืบทอดอำนาจ ด้วยการออกมาร่วมกับประชาชนขับไล่ระบอบเผด็จการประยุทธ์

นายจตุพร กล่าวว่า สาเหตุที่คณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยต้องเดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น เนื่องจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ยังมีตำแหน่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แต่สาระสำคัญคือ ความหายนะของชาติในรอบหลายสิบปีนี้ นายมีชัยฤชุพันธุ์ มีส่วนเกี่ยวข้อง

“วันนี้ที่พวกผมมานั้นเพื่อต้องการให้นายมีชัยได้ ไถ่บาป ให้กับประเทศไทย และให้กับคนไทย เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต เพราะมนุษย์ย่อมเกิดแก่เจ็บตาย จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิวัฒนาการความเลวร้ายของประเทศไทย ที่เดินไปทางไหนไม่ได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากนายมีชัย ที่ไปเขียนกฎกติกา คือรัฐธรรมนูญ, กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นใด วันนี้ก็พิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายของนายมีชัย ที่อ้างว่าเพื่อปราบโกงนั้น ตั้งแต่ประกาศใช้ จนกระทั่งผ่านมา 4 ปี การโกงก็ยังดำรงอยู่”

โดยเฉพาะ การโกงการเลือกตั้ง ไม่สามารถปราบปรามการซื้อเสียงได้ องค์กรอย่าง ป.ป.ช. ก็ไม่สามารถปราบนักการเมือง ที่ฉ้อฉลได้ แม้พลเอกประยุทธ์ ที่เป็นผู้มอบหมายให้นายมีชัย เขียนรัฐธรรมนูญนั้น จะอ้างเรื่องวาระแห่งชาติ เกี่ยวกับการปราบปรามการทุจริต มา 2 ครั้งแล้วก็ตาม การปราบโกงก็ไม่บรรลุผล มิหนำซ้ำยังสนับสนุนให้เกิดการโกงอย่างกว้างขวาง โดยไม่ได้มีความผิด ดังนั้นเงื่อนปมต่างๆทั้งเรื่องอำนาจของส.ว.โหวตเลือกนายกฯ

“ วันนี้ถึงสถานการณ์บ้านเมืองมีวิกฤตจาก covid-19 นั้น ได้สะท้อนกฎกติกาที่ นายมีชัยออกแบบ ให้กับประเทศไทยนั้นเหมือนพินัยกรรมที่เขียนไว้ว่า ผู้ได้รับประโยชน์ สูงสุด ก็คือพลเอกประยุทธ์ พวกผมมาวันนี้เพื่อจะบอกกับนายมีชัยว่า นายมีชัยรู้ทุกจุดของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แม้กระทั่ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญยังต้องสอบถามนายมีชัย”

พร้อมย้ำว่าการมาครั้งนี้เพื่อขอให้นายมีชัยไถ่บาป ให้กับประเทศไทย ให้กับคนไทย และนายมีชัยเป็นคนที่รู้ช่องมากที่สุด เพราะ การวางกับดักทางการเมืองของประเทศไทยนั้น ไม่มีใครรู้ดีไปมากกว่านายมีชัย ดังนั้นตนหวังว่า จะได้รับการตอบสนอง อย่างน้อยสักครั้งของชีวิตมาการรับใช้ประชาชนบ้าง ก่อนที่จะตาย

จากนั้น นายวีระได้อ่านเแถลงการณ์ เนื้อความหนังสือที่ยื่นถึงนายมีชัย โดยสังเขปว่า สืบเนื่องจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ชื่อนี้ได้ถูกนำมาบันทึกไว้ ในประวัติศาสตร์การเมืองประเทศไทย ในฐานะเป็นผู้เขียนรัฐธรรมนูญรับใช้เผด็จการทหาร หรือกบฏทั้งหลาย โดยเริ่มตั้งแต่เป็นนักร่างแถลงการณ์ ประกาศคำสั่งให้คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2520 พร้อมเขียนรัฐธรรมนูญ 2521 จากนั้นแกร่งกล้าขึ้นเขียนรัฐธรรมนูญ 2534 ให้คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติหรือ รสช. แล้วมาเขียนประกาศคำสั่งให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือ คปค. ยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 และล่าสุดยังเขียนรัฐธรรมนูญ 2560 ตามใบสั่ง 10ข้อ เพื่อให้คณะกบฏ คสช. ได้สืบทอดอำนาจมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ด้วยความเจนจัดในการร่างกฎหมายมาอย่างโชกโชนตั้งแต่หนุ่มจนแก่นายมีชัย จึงเป็นนักกฎหมายในระดับต้นๆที่พวกรัฐประหารยึดอำนาจมักนึกถึง ตามตัวมาช่วยงานเสมอและเช่นกันเมื่อคณะรัฐประหารต้องการรูปแบบอำนาจ ปกครองประเทศเช่นใดนายมีชัยฤ ก็จะสนองตอบโดยบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญรัฐประหารได้ทุกครั้ง ดังนั้นตั้งชื่อเสียงประกอบกับบทบาทหน้าที่นักกฎหมาย ที่ยืนหยัดเคียงข้างการรัฐประหาร จึงได้ฉายาว่าเนติบริกร ซึ่งคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ขอถ่ายทอดและเรียกฉายาของนายมีชัย ในหนังสือบอกกล่าว ความเสียหายของประเทศชาติ ตามที่ได้กระทำ ผ่านรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมา

โดยเริ่มต้นจาก หลังการรัฐประหารปี 2520, ปี 2534 ,ปี 2549, และปี 2557 เนติบริกรได้รับแต่งตั้งจากคณะรัฐประหารให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ และสมาชิกวุฒิสภามาต่อเนื่อง จนเชื่ออย่างสนิทใจว่าวุฒิสภาแต่งตั้ง สามารถเป็นเกราะคุ้มกันภัยทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีจากรัฐประหาร หรือคนนอก ที่ไม่ได้เป็นส.ส. โดยเนติบริกรออกแบบรัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับ 2521, 2534 และ 2560 ให้มีวุฒิสภาแต่งตั้งพร้อมพร้อมกับพัฒนา อำนาจของวุฒิสภา ให้มีขึ้นตามลำดับ กระทั่งถึงจุดสูงสุดในรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งนักวิชาการได้ระบุว่า เป็นฉบับที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 20 ปี ดังนั้นเมื่อพูดถึงรัฐธรรมนูญ 2560 สิ่งเลวร้ายที่เนติบริกรเขียนไว้คือการสร้างให้วุฒิสภาแต่งตั้งจำนวน 250 คน เป็นแกนกลางการปกครองประเทศภายใต้การนำของเผด็จการคสช. โดยทุกองค์กรอิสระล้วนผ่านการคัดเลือกจากวุฒิสภาแต่งตั้งทั้งสิ้น

ดังนั้นกระบวนการใช้อำนาจขององค์กรอิสระจึงพุ่งเป้าไปให้ความคุ้มครองเผด็จการได้สืบทอดอำนาจและมีส.ส. จากพรรคการเมืองเป็นบริวารคอยรับใช้ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญ 2560 เขียนตามความต้องการของเผด็จการคสช.ที่มีบันทึกส่งมาถึง 10 ข้อพร้อมกำชับจำเป็นต้องทำให้ได้ ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้แม้ไม่ได้ทำตามความต้องการของสังคมแต่เป็นรัฐธรรมนูญที่อ้างว่าเฉลี่ยความสุขของทุกคนในสังคม แต่นับจากที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 เป็นต้นมา การเฉลี่ยความสุข ตามที่เนติบริกรอวดอ้างไว้นั้นไม่ได้เฉลี่ยมาถึงประชาชน มิหนำซ้ำยังบั่นทอนความสุขของประชาชนลงไปทุกวัน

“ประชาชนนับวันมีแต่ความทุกข์ยาก ลำบากจาก ความล้มเหลว ด้านเศรษฐกิจการเมือง การเลือกตั้ง กระบวนการยุติธรรมถูกทำลายเพื่อรับใช้ผู้มีอำนาจ ความยุติธรรมไม่มีอีกต่อไป”

นายวีระ กล่าวว่า คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ขอบอกเนติบริกรว่า ความเลวร้ายจากรัฐธรรมนูญ 2560 นั้น เป็นสาเหตุทำลายความสุขของประชาชนเป็นสำคัญโดยเริ่มตั้งแต่การให้มีส.ว. แต่งตั้ง 250 คน โดยเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส. 500 คนทั้งสภา มาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่เปิดช่องให้คนนอกมาเป็นได้ รวมทั้งย่ำยีด้วยระบบเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว ทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อและส.ส.เขต แล้วมีระบบจัดสรรปันส่วนมาดึงเสียง ที่เป็นเสียงที่แท้จริงของประชาชนไปให้เผด็จการได้สืบทอดอำนาจอีกด้วย ซึ่งเป็นการออกแบบการปล้นเสียงประชาชนอย่างหน้าด้าน โดยรัฐธรรมนูญ 2560 เขียนกำหนด ให้การปล้นนั้นเป็นสิ่งถูกต้อง ตามความต้องการของเผด็จการ ซ้ำร้ายยังทำลาย พรรคการเมือง ด้วยการต่อรองผลประโยชน์ซึ่งกันและกันในการตั้งรัฐบาล

“เนติบริกรจะรู้หรือไม่ว่า ส.ส.ย้ายพรรคสามารถหาซื้อได้ง่ายภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 อีกทั้งยังวางรูปแบบ ให้แก้ไขได้ยาก เนื่องจากไม่ได้เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจาก ประชาชน โดยกำหนดเงื่อนไขให้สวมีบทบาทคอยถ่วงดุลการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้โดยต้องมีเสียงเห็นชอบ 1 ใน 3 ของสว ในขั้นตอนโหวต วาระ 1 และวาระ 3”

ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยากและเลวร้ายที่สุดในรอบ 20 ปี จึงไม่ใช่การเฉลี่ยความสุขแต่เป็นการซ้ำเติมกดขี่คุกคามไม่ให้ประชาชนได้มีความสุขในช่วงการปกครองของเผด็จการโดยดูได้จากคนหนุ่มสาวที่ออกมาเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญต้องถูกคุกคามจากตำรวจและทหาร ที่ตามไปจับตัว เอาไปขังจำนวนมาก เหล่านี้เป็นการยัดเยียดความทุกข์ให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้รักประชาธิปไตย

ส่วนที่เนติบริกรประกาศว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับปราบโกงนั้น เป็นความเท็จที่หลอกลวงประชาชน เพราะคนโกงยังลอยหน้าลอยตาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการยุติธรรม คนทุจริต ขาดจริยธรรม นักการเมืองยังอยู่ในอำนาจคอยสั่งการรัฐบาลได้เบ็ดเสร็จและรัฐมนตรีที่มีมลทินมัวหมองทั้งองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญยัง แตะต้องไม่ได้ รวมทั้งกรณีพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่บ้านหลวงในค่ายทหารส่อถึงผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งรุนแรงกว่ากรณีของนายสมัครสุนทรเวช ที่ทำอาหารออกทีวี ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนี้มีไว้เพื่อยัดข้อหาและจัดการฝ่ายตรงข้ามเป็นหลัก ดังนั้นคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จึงขอให้นายมีชัย แสดงความรับผิดชอบ ในความเลวร้ายที่ก่อไว้ ด้วยการออกมาร่วมกับประชาชน เพื่อขับไล่กบฏประยุทธ์ ให้ออกจากอำนาจโดยเร็ว

ทั้งนี้คณะไทยไม่ทน สามัคคัประชาชนเพื่อประเทศไทยมีกำหนดการจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งในวันที่ 8 มิถุนายนนี้เวลา 13 นาฬิกา และในวันที่ 9 มิถุนายน จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่รัฐสภา เพื่อเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านลาออก ส่วนวันพรุ่งนี้(5 มิ.ย.)จะมีการเสวนาในหัวข้อ ลุงตู่อยู่ 7 ปีแล้วไง ที่ peace tv เวลา 17 นาฬิกาเป็นต้นไป