เอกชนจี้ ศบศ.พยุงธุรกิจ-จ้างงาน หอค้าเชียร์ปัดฝุ่นช้อปดีมีคืนดึงเงิน 30 ล้านคน ปลุกศก.

เอกชน จี้ ศบศ.พยุงธุรกิจ-จ้างงาน หอค้าเชียร์ปัดฝุ่นช้อปดีมีคืนดึงเงิน30ล้านคนปลุกศก. มั่นใจ 7 มิย ดีเดย์ปูพรมฉีดวัคซีนตามที่ ‘บิ๊กตู่’ สัญญา

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวก่อนประชุมทางไกลในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 4 มิถุนายน ว่า คงต้องขอรับฟังนโยบายและแนวทางการแก้ปัญหาและฟื้นเศรษฐกิจไทย ในช่วงที่เหลือของปีนี้ รับฟังการบริหารจัดการเรื่องฉีคซีน และมาตรการต่างๆของภาครัฐ

ในส่วนของเอกชนก็จะนำเสนอวิธีการและการลดอุปสรรคของการช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน)ของรัฐ และโครงการพักทรัพย์พักหนี้ที่อยากให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการนำมาใช้กับภาคท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ที่พักอาศัย เพราะกลุ่มเหล่านี้ต้องปิดตัวหรือขาดรายได้เพราะเป็นกลุ่มที่พึ่งพาภาคท่องเที่ยว เมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยหายลด เมื่อต่อเนื่องกันหลายเดือน ก็ขาดสภาพคล่อง และขาดเงินบำรุงรักษา ซึ่งหากปล่อยให้โรงแรม ที่พัก หรือแหล่งท่องเที่ยวปิดตัวนาน การจะเปิดให้บริการจากนั้นไม่ใช่เนื่องง่ายและใช้เงินทุนมากกว่า ประคองให้ธุรกิจยังเปิดบริการได้เพื่อสภาพอาคารจะได้ไม่โทรมและปลอดภัยจากเชื้อโรคที่มีการปิดห้องไว้นานๆ

อีกเรื่องคือห่วงการจ้างงาน หากประคองธุรกิจไม่พ้นปีนี้ อาจมีการเลิกจ้างอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในการประชุมศบศ. ก็น่าจะหารือการใช้โคเพย์หรือรัฐและเอกชนพยุงการจ้างงาน รวมถึงเรื่องการเปิดประเทศโดยใช้ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในเดือนกรกฎาคม ก่อนนำไปใช้กับ 10 จังหวัดเป้าหมายเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาพักและเดินทางท่องเที่ยว ภายในเดือนตุลาคมนี้

“หลายเรื่องต้องรอฟังผลการประชุมศบศ. ก่อน แต่เอกชนเรามองว่า หากปล่อยให้ผลกระทบจากโควิดยังอยู่ไปอีกระยะหนึ่ง งบประมาณที่รัฐเตรียมช่วยเหลือฟื้นฟูกว่า 1 แสนล้านบาทอาจไม่เพียงพอ หอการค้าจึงต้องประสานให้ธุรกิจและเอสเอ็มอีได้เข้าถึงแหล่งกู้แสนล้านบาทให้มากสุด เหมือนการเร่งฉีดวัคซีนให้ถึง 70% ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ ผนวกกับเงินที่รัฐเตรียมอัดเข้าระบบเศรษฐกิจผ่าน 4 มาตรการประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ก็จะช่วยประคองภาคบริโภคและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เมื่อรัฐทำ 2 ส่วนทั้งช่วยประคองธุรกิจและเพิ่มการบริโภค และเร่งรัดการใช้งบ 5 แสนล้านบาทจากพรก.กู้เพิ่มเติมในไตรมาส 4 ปีนี้ เชื่อว่าจะประคองเศรษฐกิจปีนี้โตได้ 2% และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปี 2564 ดีต่อเศรษฐกิจปี 2565 ที่จะขยายตัวได้เร็วและแรง” นายสนั่น กล่าว

นายสนั่น กล่าวต่อว่า ในมาตรการกระตุ้นบริโภคภาครัฐที่จะออกมานั้น เรื่องยิ่งใช้ยิ่งได้แนวคิดใช้กิ๊ฟวอชเชอร์นั้นก็เป็นเรื่องดี แต่อยากเชียร์ให้นำโครงการช้อปดีมีคืน ที่ให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษี เพราะดูจากปีก่อนที่จัดทำโครงการนี้ ประชาชนใช้สิทธิจำนวนมาก เพราะวิธีการง่าย รัฐไม่ต้องควักเงินสมทบ และปล่อยให้ประชาชนกว่า 30 ล้านคนได้ใช้สิทธิ น่าจะได้ผลกว่ายิ่งใช้ยิ่งได้ที่มีเป้าไว้ 4 ล้านคน อีกมาตรการฟื้นฟูคือคนละครึ่ง ก็น่าจะเพิ่มใช้จ่ายเป็น6 พันบาทจาก 3 พันบาท ก็จะเพิ่มเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ จาก 9 หมื่นล้านบาท เป็น 1.8 แสนล้านบาท

“ผมเชื่อว่า 7 มิถุนายน จะเป็นวันดีเดย์ฉีดวัคซีน ได้ตามที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้สัญญาว่าจะมีวัคซีนฉีดให้ประชาชนทั่วประเทศ ในลักษณะปูพรม ก็หวังได้ว่าวัคซีนจะได้ทันเวลา และบริหารจัดการฉีดให้ประชาชนได้ทั่วถึง ส่วนหอการค้าและเอกชนเตรียมพร้อมจัดหาสถานที่รับฉีดวัคซีนให้ประชาชนในกทม. แล้ว 25 แห่ง มีประชาชนจองฉีดวัคซีนผ่าน www.ไทยร่วมใจ.com แล้ว 2 ล้านคน เชื่อว่าจะทยอยฉีดให้ครบภายในมิถุนายนถึงกรกฎาคม และสนับสนุนแนวคิดวัคซีนทางเลือก” นายสนั่น กล่าว