พรบ.งบฯปี 65 : ฝ่ายค้านชำแหละดุ ชี้ “ผนงรจตกม” วันนี้ขำไม่ออก รมต.โชว์ผลงานช่วงโควิด

วันที่ 2 มิ.ย.เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก วันที่สาม โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ซึ่งเป็นการอภิปรายวันสุดท้าย ก่อนลงมติว่าจะรับหรือไม่รับหลักการ

โดยก่อนเข้าสู่วาระอภิปราย นายชวน แจ้งกับที่ประชุมว่า เวลาการอภิปรายของส.ส. ขอให้บริหารจัดการ โดยขณะนี้ เวลาของส.ส.ฝ่ายค้าน เหลือเวลา 6 ชั่วโมง 49 นาที ขณะที่เวลาของส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี(ครม.)เหลือเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 49 นาที ดังนั้นเวลาที่เหลืออยู่แต่ละฝ่ายก็บริหารเวลากันไป

นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ส่วนตัวยืนยันว่าขอไม่ไว้วางใจร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ แม้ว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ฝ่ายค้านจะอภิปรายด้วยเหตุและผลหรือฝ่ายรัฐบาลบางคนให้ข้อเสนอแนะและติดฉินนินทา แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จะผ่านการพิจารณา แต่อยากจะสื่อไปยังพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคขนาดเล็กว่าสิ่งที่เรากำลังร่วมกันพิจารณานั้นต้องดูว่าเม็ดเงินสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ และความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีไปได้แค่ไหน ประเทศชาติจะจมน้ำตายหรือตกเหว

นายวิสาร กล่าวต่อว่า เนื่องจากร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ รัฐบาลจัดทำงบประมาณโดยขาดความรู้ ความเข้าใจและความจริงใจ การแก้ปัญหาของประเทศทุกวันนี้อะไรเป็นจุดอ่อนหรือจุดแข็งเราทราบดี ประชาชนต้องอยู่ในความหวาดระแวงว่าจะติดเชื้อโควิดหรือไม่ ต้องการฉีดวัคซีน แต่ผู้นำเรากลับไปนำวัคซีนที่ดีบ๊วยมาฉีดให้ และไม่รู้ว่าจะได้ฉีดเมื่อใดด้วย

รัฐบาลกลับให้ความสำคัญกับอาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่า แต่เอสเอ็มอีตายสนิท โดยที่รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเหมือนงบกระทรวงกลาโหม แม้เงินจะมากหรือน้อย แต่ไม่สำคัญเท่าภาวะความเป็นผู้นำ เพราะสงกรานต์ปีนี้ตกลงกันไว้แล้วจะล็อกดาวน์ แต่พอเรื่องเข้าสู่ศบค.ชุดใหญ่ มีนักธุรกิจไปให้ข้อมูลเยอะ ถ้าล็อกดาวน์จะทำให้เศรษฐกิจเสียหายมหาศาล แต่นายกฯหูเบาเชื่อ จนมีผู้ติดเชื้อเป็นแสนคนตามมา

“การตัดสินใจของผู้นำที่ผิดทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ใครจะรับผิดชอบ ทุกอย่างที่ล้มเหลวเพราะผู้นำเอาแต่ใจตัวเอง คำว่า “ผนงรจตกม” ถึงวันนี้ขำไม่ออก เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะความดื้อรั้น ไม่รับผิดชอบ ใจแคบที่อยู่ในตัวผู้นำ แต่ขณะนี้นายกฯไม่แคร์อะไร บริหารไม่มีฝ่ายการเมือง ใช้แต่ทหารบริหาร” นายวิสาร กล่าว

นายวิสาร กล่าวต่อว่าสิ่งที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาขู่ว่าถ้าพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ไม่ผ่านจะต้องยุบสภา ขู่ฝ่ายค้านมันไม่ได้ผลหรอก ตนท้าท่านนายกฯวันนี้ให้ลาออก ท่านไม่ต้องลาออกก็ได้ ยุบสภาไปเลย ยิ่งอยู่นานไปเท่าไร ประเทศชาติเสียหายหนัก ไม่มีโอกาสเห็นเดือนเห็นตะวัน ทุกวันนี้ประเทศวิกฤต อันดับจะบ๊วยของอาเซียนแล้ว ถ้าเราจะปล่อยให้ผู้นำที่ไม่รับผิดชอบ เอาแต่ใจตัวเอง ขู่จะยุบสภา ยุบเลย เพราะถ้าไม่ยุบ ตอนนี้มีคนตายกลางถนนเยอะเลย ถ้าไม่หาทางเปลี่ยนแปลง ก็เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออก

“ผมไม่ได้ท้าให้ยุบสภา ผมท้าให้ลาออกด้วย แล้วแต่พล.อ.ประยุทธ์ แน่จริงเอาเลย จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ อะไร อย่างไร อย่าปล่อยให้ประเทศชาติเสียโอกาสในการบริหาร ทำให้พวกเราไม่มีอนาคต จะต้องล้มตายไปทั้งประเทศหรืออย่างไร ” นายวิสาร กล่าว

ต่อมาเวลา 11.55 น.นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปราย ว่า ขณะนี้ประชาชนตั้งคำถาม ทำไมรัฐบาลนำงบประมาณไปจัดหาวัคซีนที่แย่และแพงที่สุด โดยยังไม่รู้ว่ามีวัคซีนเพียงพอหรือไม่ เพราะนำงบประมาณไปเน้นที่กองทัพในการจัดซื้ออาวุธ ทั้งที่ถ้าเทียบสมรรถนะการรบแล้ว ประเทศไทยเหนือกว่า

ประเทศที่มีพรมแดนติดกัน ทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย โดยประเทศไทยมีจำนวนกองรถถัง กองเรือ และกองบิน เหนือกว่าทุกประเทศที่มีพรมแดนติดกัน สมรรถนะการรบประเทศไทยอันดับที่ 26 ของโลก พม่าอยู่ลำดับที่ 38 กัมพูชา ลำดับที่ 94 ลาว ลำดับที่ 118 และมาเลเซีย ลำดับที่44 เรามีศักยภาพ กำลังรบเข้มแข็งที่สุดในประเทศที่มีพรมแดนติดกัน จะไปจัดซื้ออาวุธเพิ่มทำไมให้มากมายอีก

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ได้เป็นผบ.ทบ.แล้ว แต่เป็นนายกฯ จะไปดูแลหรือเดือดร้อนแทนกองทัพอย่างเดียวไม่ได้ ขอให้หยุดขี้เหนียวกับประชาชน หยุดซื้อเรือดำน้ำไว้ก่อน เพื่อมาดูแลความเป็นอยู่ประชาชนก่อน ถ้ายังปล่อยให้รัฐบาลจัดทำงบประมาณลักษณะเช่นนี้ต่อไป คงได้เปลี่ยนเงินสดเป็นแบงก์กงเต็กแน่” นายวิรัตน์ กล่าว

ขณะที่ฟากฝั่งรัฐบาลก็ออกมาชี้แจงงบในกระทรวงของตัวเอง โดยเริ่มจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วาระแรก ว่า แม้สินค้าพืชผลการเกษตรสำคัญ 5 ตัว ทั้งข้าว มัน ยางปาล์ม ข้าวโพด ราคาตกลงมา ก็ยังมีตัวช่วยสำคัญคือนโยบายประกันรายได้เกษตรกร เข้ามาช่วยให้เกษตรกรสามารถยังชีพต่อไปได้ แต่เมื่อพิจารณาผลงาน เช่น การขายผลไม้ที่ผ่านมาพบว่าสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก ส่วนกรณีที่พบปัญหาการลักลอบนำเข้าผลิตผลจากต่างประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลได้สั่งการเร่งแก้ไขทันที และให้ถือเป็นนโยบายสำคัญ เพราะไม่ต้องการให้การลักลอบนำเข้าพืชเกษตรเพื่อนบ้านเข้ามามีผลกระทบกับราคาพืชเกษตรของคนไทย

ด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระศึกษาธิการ ชี้แจงถึงงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรับลดลงกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท ว่า เป็นเพราะงบอุดหนุนรายหัวของนักเรียนลดลงตามอัตราจำนวนประชากร ภายใต้งบประมาณที่ลดลง กระทรวงศึกษาฯเน้นคุณภาพของผู้เรียน ลดภาระไม่จำเป็น รวมถึงนำเทคโนโลยีบริหารจัดการการศึกษาทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระทางงบประมาณ ทั้งนี้ ตามนโยบายของรัฐบาลเตรียมยกระดับคุณภาพของสถาบันศึกาษา ทั้งโรงเรียนดีประจำตำบล โรงเรียนดีสี่มุมเมือง และโรงเรียนสแตนด์อโลน เพื่อนำงบประมาณจัดสรรให้เยาวชนและผู้เรียนเข้าถึงการศึกษาได้มากที่สุด และจัดสรรงบเพื่อดูแลสถานศึกษาได้ทั่วถึง

น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า สำหรับการเปิดเทอมในสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 นั้น มอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษา รวมถึงผู้อำนวยการศึกษา ดูให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภายใต้ความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง เช่นจัดการเรียนการสอนที่มากกว่า 1 รูปแบบ ทั้งเรียนเรียนปกติ, เรียนออนไลน์, เรียนผ่านระบบออนแอร์ และมีการพัฒนาครูผ่านระบบครูพร้อม ซึ่งกระทรวงศึกษาฯมีมาตรการ และความพร้อมป้องกันโควิด โดยมีวอร์รูมของกระทรวง สนับสนุนการเรียนการสอนของผู้ปกครองและนักเรียน เพื่อแก้ปัญหาการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์โควิด

ขณะที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงผลงานกระทรวงว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด ได้ทำ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ต้องฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ 70% ภายในเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าจะเดินหน้าได้แน่นอน และโครงการต่อไป ในวันที่ 1 ตุลาคม จะเปิดแหล่งท่องเที่ยวใน 10 จังหวัด โดยไม่กักตัว ได้แก่ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ประจวบคิรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และบุรีรัยม์ เพราะพบว่าใน 10 จังหวัดมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ในปี 2562 ถึง 1.5 ล้านล้านบาท โดยจะประกาศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวนำร่อง ได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2564

นายพิพัฒน์กล่าวว่า ส่วนการกระตุ้นการท่องเที่ยว เร็วๆ นี้ จะมี “โครงการทัวร์เที่ยวไทย” โดยเตรียมประกาศ หลังการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง 1 ล้านคน จัดการท่องเที่ยวโดยบริษัททัวร์ มีมัคคุเทศก์ประจำรถ เพื่อส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวให้หมุนเวียน และเกิดการท่องเที่ยววันธรรมดา ทั้งนี้ โครงการกำลังใจ และโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ดำเนินการแล้ว ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ กว่า 6.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่รัฐบาลสนับสนุนเงินไปเพียง 9,320 ล้านบาท