รมช.ต่างประเทศ สหรัฐฯ พบ “บิ๊กตู่” ย้ำพันธมิตรแน่นแฟ้น พร้อมร่วมมือด้านวัคซีน

รมช.ต่างประเทศ สหรัฐฯ พบ “ประยุทธ์” ย้ำพันธมิตรแน่นแฟ้น พร้อมร่วมมือด้านวัคซีน

วันที่ 2 มิ.ย. เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบ รัฐบาล นางเวนดี้ อาร์. เชอร์แมน (H.E. Mrs. Wendy R. Sherman) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับการรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมเชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ รมช.กต. สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่ยาวนานกว่า 188 ปี ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฝากความยินดีถึงนายโจเซฟ อาร์. ไบเดน ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมระบุว่าไทยได้ติดตามนโยบายของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และหวังว่าไทยกับสหรัฐฯ จะเพิ่มพูนความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกันในลักษณะ Win-Win ต่อไป

ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับ พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ มีความร่วมมือระหว่างกันที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจ และ เห็นว่าขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากจากโควิด-19 ซึ่งสหรัฐฯ เข้าใจและมีนโยบายด้านการจัดหาวัคซีนเพื่อช่วยเหลือหลาย ๆ ประเทศให้ผ่านพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวรวมถึงพร้อมให้การสนับสนุนไทยในการเข้าถึงวัคซีน ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณและยินดีรับการสนับสนุนโดยจะดำเนินการตามกระบวนการนำเข้าวัคซีนต่อไป

จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ร่วมกัน อาทิ ประเด็นเรื่องสภาพภูมิอากาศที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยให้ความสำคัญ และสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Economy) ของไทย ซึ่งจะนำเข้าเป็นวาระสำคัญในการประชุมเอเปค ปี 2565 ต่อไป ในส่วนประเด็นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะการต่อต้านการค้ามนุษย์ รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และมุ่งมั่นแก้ปัญหาผ่านความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่ง รมช.กต. สหรัฐฯ ชื่นชมความมุ่งมั่นของไทยและพร้อมสนับสนุนไทย

นอกจากนี้ ในประเด็นความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีชื่นชมสหรัฐฯ ที่มีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน และอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมาโดยตลอด ยืนยันว่า ไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์และความร่วมมือกับสหรัฐฯ ต่อไป ซึ่งในตอนท้าย ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา ที่ผ่านมาได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด เชื่อมั่นว่าไทยและอาเซียนมีการดำเนินการที่สร้างสรรค์เพื่อหาทางออกที่สันติ

รมช.ต่างประเทศฯ สหรัฐฯ กล่าวแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับกรณีผู้หนีภัย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยมีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หนีภัยภายใต้หลักมนุษยธรรมพร้อมยืนยันว่าไทยมุ่งหวังให้เกิดการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี