การทวนสอบดังกล่าวของทางการเปรูส่งผลให้ผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 180,764 ราย จากเดิมที่ราว 68,000 ราย ทำให้เปรูกลายเป็นหนึ่งในชาติที่ตกอยู่ในสถานการณ์รุนแรงที่สุดในทวีปละตินอเมริกา เนื่องจากมีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตต่อประชากรสูงยิ่งกว่าฮังการี และสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเคยเป็นชาติที่มีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตต่อประชากรสูงสุดในโลก

ข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยในช่วงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ท่ามกลางความกระเสือกกระสนของรัฐบาลในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ปริมาณผู้เสียชีวิตเดิมทำให้เปรูเป็นชาติที่มีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตต่อประชากรอันดับ 9 ของโลก

แนวโน้มเพิ่มขึ้นของผู้เสียชีวิตในเปรูจากโรคโควิด-19 เริ่มเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 โดยปริมาณผู้เสียชีวิตพุ่งสูงเกินกว่าที่ทางการเปรูคาดไว้ สะท้อนว่าปริมาณผู้เสียชีวิตจริงจากโรคโควิด-19 นั้นกำลังตกหล่น ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมมีกว่า 2 ล้านคนแล้ว

นายวิลเลียม แพน อาจารย์ภาควิชาอนามัยสิ่งแวดล้อมโลก ที่มหาวิทยาลัยดยุก กล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ปัญหาการคอร์รัปชั่นและความไม่เท่าเทียมที่หยั่งรากลึกในเปรูถูกเปิดเผยออกมา

“ก่อนที่ปัญหาการขาดแคลนออกซิเจนในอินเดียจะกลายเป็นพาดหัวข่าวไปทั่วโลกนั้น ชาวเปรูเผชิญกับปัญหาเหล่านี้มานานแล้ว โดยมีผู้ป่วยจำนวนมากถูกปฏิเสธให้การรักษาจากโรงพยาบาลเนื่องจากไม่มีเตียงบ้าง ไม่มีออกซิเจนบ้าง แลหมอพยาบาลก็งานล้นมือ” อ.แพน ระบุ

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยระบุว่า เปรูอาจเป็นชาติแรกในโลกที่ได้รับการร้องขอให้ตรวจสอบตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่แท้จริงใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สะท้อนกับสถานการณ์ความเป็นจริงในพื้นที่ หลังผู้เชี่ยวชาญมองว่า การระบาดในเปรูมีความรุนแรงกว่าตัวเลขของทางการ

การระบาดที่เกิดขึ้นยังก่อให้เกิดความโกลาหลทางการเมือง นำมาสู่การถอดถอนประธานาธิบดีมาร์ติน วิซคาร์รา เนื่องจากไม่มีความสามารถในการบริหารงาน ขณะที่ทวีปละตินอเมริกากำลังกลายเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดลุกลามรวดเร็วที่สุดในโลก

สะท้อนจากชาติละตินอเมริกา 5 ประเทศ อยู่ในสิบอันดับชาติที่มีอัตราส่วนผู้ติดเชื้อต่อประชากรมากที่สุดในโลก ล่าสุด อาร์เจนตินา กลายเป็นชาติที่เผชิญสถานการณ์รุนแรงที่สุดในทวีปนี้แล้ว ทำให้ต้องย้ายการจัดงานแข่งขันฟุตบอลโกปา 2021 (ลีกอเมริกันใต้) ไปยังบราซิลแทน