“ไทยไม่ทน” จี้ 24 เจ้าสัวอยู่ข้างปชช. ลั่นนายกฯไม่ควรยุบสภา แต่ต้องลาออก!

ไทยไม่ทนจี้ 24 มหาเศรษฐีกลับมายืนอยู่ข้างประชาชน กดดันนายกฯ ลาออกไม่ใช่ยุบสภา เพราะไม่ใช่ความผิดของประชาชน

วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป. และผู้ร่วมก่อตั้งไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย กล่าวบนเวทีไทยไม่ทนออนไลน์วันนี้ว่า

สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกภาพรวมลดลง ขณะที่ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง ยอดผู้ป่วยสะสมวันนี้ 149,779 คน ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมแซงหน้าประเทศจีนไปแล้ว มีผู้เสียชีวิต 988 คน อาการโคม่ารุนแรงกว่า 1,221 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสมมากถึง 1,960,798 คน

นี่คือความอดสูของประเทศไทยที่มีนายกรัฐมนตรีที่ไร้ความสามารถ เป็นความผิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผอ. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่หากินบนความตายของประชาชน การแพร่กระจายโควิดหลายรอบมาจากผลพวงของวงจรธุรกิจสีเทาทั้งสิ้น และยังค้าความตายบนเศรษฐกิจผูกขาดอีกต่อหนึ่ง

ทำไมรัฐบาลไม่มีนโยบายการกระจายวัคซีนโดยเร็ว เพื่อรุกกลับจากการรุกรานของไวรัสโคโรนา ท่านเคยเป็นผู้บัญชาการทหารทำไมไม่บัญชาการกองทัพไทยและกองทัพสาธารณสุขทั้งองคาพยพต่อสู้กับภัยรุกรานในสงครามทางชีวภาพในครั้งนี้โดยการสั่งซื้อวัคซีนเป็นอาวุธ และการฉีดฟรีให้แก่ประชาชนถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล วัคซีนต้องเป็นรัฐสวัสดิการ โดยอาจให้โรงพยาบาลนำเข้า และรัฐจ่ายค่าใช้จ่ายในราคาที่ควบคุมไว้ได้ โดยสามารถจ่ายให้โรงพยาบาลหรือผ่านประชาชนโดยตรงก็ได้ แม้แต่รัฐธรรมนูญยังกำหนดไว้ว่า “ประชาชนย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”

ทำไมรัฐบาลไม่สนับสนุนการแพทย์ไทย ในการวิจัยวัคซีนและยา เช่น โครงการของจุฬาฯ ในการพัฒนาวัคซีนจากใบพืชตระกูลยาสูบ การพัฒนายาจากกระชายขาวของมหิดล รวมถึงยาสมุนไพรของอภัยภูเบศ

ข้อเรียกร้องของประชาชน เรียกร้องนายกฯ ลาออก ไม่ใช่ยุบสภา ความผิดของนายกฯ ไม่ใช่ความผิดของประชาชน เราขอให้นายกฯ คนใหม่ มาทำหน้าที่แทนในภาวะวิกฤตที่ผู้นำขาดวิสัยทัศน์และจิตสำนึก เพื่อก้าวข้ามวิกฤตไปให้ได้ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำประชามติ สร้างกติกาใหม่ภายใน 2 ปีแล้วจึงเลือกตั้งใหม่ ตามกำหนดเวลา

ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ต้องประเมินสถานการณ์ในอนาคตที่เลวร้ายที่สุดเพื่อแก้ปัญหาให้ได้ แต่พล.อ.ประยุทธ์ และพวก ล้มเหลวทุกด้านตามที่ไทยไม่ทนไปยื่นหนังสือเรียกร้องไปแล้ว คือ 1.การปฏิรูปประเทศล้มเหลว 2.การสร้างความปรองดอง 3.ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน 4.ปัญหาเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำ และ 5.การละเมิดสถาบัน แบ่งแยกประชาชน

แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่นำพา และถึงกับฟ้องร้องประชาชนกลับ ส่งตัวแทนผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในข้อหา “หมิ่นประมาทโดยโฆษณา” ไปแล้วถึง 4 คน ผมอยากขอให้ประชาชนที่เสียภาษีออกมาฟ้องร้องประชาชนบ้าง เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนราย ดูซิว่าพล.อ.ประยุทธ์จะรู้สึกอย่างไร

พล.อ.ประยุทธ กำลังจะกลายเป็นศัตรูของประชาชนแล้ว ไปที่ไหนคนก็ขับไล่ คนไทยมากกว่า 90% ไม่เอาท่านแล้ว ผมจึงขอเรียกร้องนักการเมืองรุ่นใหม่ กลุ่มทุนและบริวารแวดล้อมของรัฐบาล 3 ป. ถอยตัวออกมา โดดเดี่ยวพล.อ.ประยุทธ์ พวกท่านต้องกลับมายืนอยู่ข้างประชาชน

โดยเฉพาะ 24 นักธุรกิจไทย ที่รวมบรรดาตระกูลเจ้าสัวและมหาเศรษฐี ที่ครอบครองทรัพย์สินมากที่สุดในประเทศนี้ ที่เคยถูกเชิญเข้าพบกับพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะนายพล คสช. เมื่อปี 2558 ซึ่งเป็นไปด้วยความชื่นมื่น สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ พวกท่านกลับตัวกลับใจหรือยัง วันนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก็ถอยออกมาแล้ว แม้แต่คณะของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ถูกขับไล่ออกมาแล้ว

5 ตระกูลมหาเศรษฐีกลุ่มทุนผูกขาด ที่เอเชียไทม์เคยตั้งคำถาม ท่านถอยออกมาจากการเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลหรือยัง ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา บางบริษัทได้ขยายไปทำธุรกิจใหม่ๆ อย่างเช่นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่บางบริษัทอย่างเช่นซีพีและเซ็นทรัล กรุ๊ป ได้ขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังต่างจังหวัดอย่างรวดเร็ว ซึ่งในขณะที่บริษัททั้ง 5 แห่งนี้เติบโตก้าวหน้า ความเสี่ยงก็กำลังเพิ่มขึ้นเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว และเกิดการแบ่งแยกความมั่งคั่ง

ผมจึงขอตั้งคำถามถึงกลุ่มทุนตระกูลเจียรวนนท์, กลุ่มทุนสิริวัฒนภักดี, กลุ่มทุนอยู่วิทยา, กลุ่มทุนจิราธิวัฒน์ และกลุ่มทุนคิงพาวเวอร์ ยังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ อยู่หรือไม่

ก่อนหน้านี้ กรณีของ คิง พาวเวอร์ ได้ถูกกล่าวหาผูกขาดธุรกิจดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิใหม่และได้ขยายไปยังสนามบินใหญ่อื่นๆ อีก 3 แห่งเป็นเวลา 10 ปี, กลุ่มทรู กับการยืดเวลาในการชำระใบอนุญาต 4 จี ให้กับบริษัทโทรคมนาคม 3 แห่งเป็นเวลา 5 ปี, กลุ่มซีพีได้รับสัญญามูลค่ากว่า 7,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง 220 กิโลเมตรที่เชื่อมต่อสนามบินสามแห่ง ให้ที่ดินมักกะสันทำการค้าเชิงพาณิชย์ด้วย ตามที่มีรายงานข่าวปรากฎ

รวมถึงกลุ่มทุนพลังงานอย่างกัลฟ์ ของคุณสารัชถ์ด้วย ที่ได้สัมปทานการผลิตไฟฟ้าป้อน กฟผ. 20 ปี โดยสัญญาสัมปานเป็นธรรมหรือไม่ มีการลดสัดส่วนการผลิตของรัฐลง เพื่อเพิ่มสัดส่วนการผลิตให้ภาคเอกชนโดยมีการ “ประกันรายได้” ในการรับซื้อขายในสัญญาอีกด้วย ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนได้กำไรจากสาธารณูปโภคพื้นฐานโดยตรงแม้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร แต่กำไรค่าไฟฟ้ามั่นคงนิรันดร นอกจากนี้ สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของเอกชนมีมากถึง 57% ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผลิตไฟฟ้าเพียง 33% ส่งผลให้ความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าขึ้นอยู่กับการผลิตของเอกชน และยังขัดรัฐธรรมนูญอีกด้วย

ถ้าพวกท่านไม่ถอยออกมา ท่านจะเป็นศัตรูของประชาชน แต่ท่านยังมีโอกาสสุดท้าย หันมายืนข้างพี่น้องประชาชนในภาวะทุกข์ยากลำบาก เพื่อประครองประเทศไทยไปด้วยกันในสถานการณ์วิกฤต

วันนี้ ผู้บริหาร 40 บริษัทใหญ่ ห่วงไทยฉีดวัคซีนล่าช้า และออกมาบอกรัฐบาลแล้วว่า ถ้ายังล่าช้าแบบนี้ เอกชนพร้อมจ่ายค่าวัคซีนให้พนักงานเองกว่า 1 ล้านคน ผมจึงขอให้หอการค้าไทยร่วมกันกดดันรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อประเทศนี้จะได้เดินหน้าต่อไปได้

หาไม่แล้ว การเคลื่อนไหวต่อไปของไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนต่อไปจะไปเยี่ยมพวกท่าน กลุ่มทุนผูกขาดประเทศไทยทั้งหลายที่ไม่เห็นคนไทยเป็นคนเท่ากัน หลังจากวันพรุ่งนี้ที่จะไปหนังสือถึง ผบ.เหล่าทัพ และคิวต่อไป คุณมีชัย ผู้ออกแบบรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ คุณวิษณุ บิดาแห่งการยกเว้นกฎหมาย รวมถึง รัฐสภา องค์กรอิสระ และองคาพยพของรัฐบาล 3 นายพล ที่บางคนหายตัวไปแล้วในขณะนี้