นักวิจัยอังกฤษ-นอร์เวย์ เปิดผลสอบการเจาะลึกอู่ฮั่น ย้ำแนวคิดโควิดเกิดในห้องแล็บ

วันที่ 29 พฤษภาคม 2564 เดลีเมล์ รายงานผลการศึกษาใหม่ของ ศ.ออกัส ดัลกลีช ผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงจากการคิดค้นวัคซีนต้านเอชไอวีสำเร็จเป็นครั้งแรก และ ดร.บีร์เกอร์ โซเรนเซน นักไวรัสวิทยาชาวนอร์เวย์ ที่ได้ผลสรุปว่า เชื้อไวรัส SARS-Cov-2 ที่ทำให้ป่วยเป็นโรคโควิด-19 ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ถูกนักวิทยาศาสตร์จีนสร้างขึ้นในห้องทดลอง

การเปิดเผยงานวิจัยที่ย้ำอีกว่าโควิดเกิดในห้องแล็บ มีต่อเนื่องจากการที่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐสั่งให้หน่วยข่าวกรองตรวจสอบต้นตอของไวรัสใหม่อีกครั้ง ขณะที่รัฐบาลจีนประณามสหรัฐอเมริการะบุว่ามีแรงจูงใจทางการเมืองและโยนความผิดให้จีน

เดิมนักวิจัยทั้งสองระบุว่า ไม่มีวารสารงานวิจัยรายหลักรายใดยอมตีพิมพ์ผลการศึกษานี้ กระทั่งล่าสุด ผลงานหนา 22 หน้าของนักวิทยาศาสตร์ทั้งสอง จะได้ตีพิมพ์ในวารสาร Quarterly Review of Biophysics Discovery

การศึกษานี้ติดตามแกะรอยการทดลองในห้องแล็บ ที่เมืองอู่ฮั่น ระหว่างปี 2545-2562 โดยค้นหาข้อมูลจากเอกสารต่างๆ ในวารสารและฐานข้อมูล และประมวลวิธีการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนที่ร่วมงานกับมหาวิทยาลัยอเมริกันหลายแห่ง เพื่อจัดหาเครื่องมือที่จะสร้างไวรัสขึ้น ส่วนใหญ่แล้วพัวพันกับโครงการชื่อ Gain of Function

ย้ำอีกโควิดเกิดในห้องแล็บ
ดร.บีเกอร์ โซเรนเซน นักวิจัยชาวนอร์เวย์

Gain of Function สนับสนุนงานวิจัยด้านการแพทย์ทุกสาขา รวมถึงการเพิ่มความสามารถของจุลินทรีย์ในการแพร่กระจายและสร้างภูมิคุ้มกัน โครงการนี้เคยถูกพิจารณาว่าผิดกฎหมายไปช่วงหนึ่งสมัยรัฐบาลนายบารัก โอบามา

ส่วน นพ. แอนโธนี เฟาซี หัวหน้าทีมต่อสู้โควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า งบประมาณวิจัยของสหรัฐ 6 แสนดอลลาร์ ไม่ได้อนุมัติให้งานวิจัย Gain of Function

โครงการวิจัย Gain of Function ยังรวมถึงการศึกษาการกำเนิดไวรัสตามธรรมชาติที่ทำให้ติดเชื้อมากขึ้น และการทำสำเนาไวรัสในเซลล์มนุษย์ได้ในห้องทดลอง ซึ่งเปิดทางให้นักวิทยาศาสตร์สร้างไวรัสในห้องทดลองได้ เพื่อศึกษาว่าไวรัสส่งผลกระทบต่อมนุษย์อย่างไร

แผนภาพแสดงเชื้อไวรัสโคโรนา ปรากฏลักษณะ 6 ลายนิ้วมือ ที่ทำได้เฉพาะในห้องแล็บเท่านั้น

นักวิจัยพบว่า เชื้อ SARS-Cov-2 มีลักษณะเฉพาะ เป็นเหมือนกับลายนิ้วมือ เพราะถูกตกแต่งขึ้นมาด้วยเป้าหมายเฉพาะ จึงมีลักษณะเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่น้อยมาก

โดยเฉพาะการพบกรดอะมิโน (ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีน เป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด) ถึง 4 ตัวในหนามไวรัส SARS-Cov-2 หนามเดียว

ดร.โซเรนเซน ให้สัมภาษณ์เดลีเมล์ว่า กรดอะมิโน ทั้งหมดจะเป็นประจุบวก ทำให้ไวรัสเข้ามายึดเกาะเซลล์มนุษย์ตรงส่วนที่เป็นประจุลบ เหมือนกับแม่เหล็กไฟฟ้า จากนั้นจะทำให้ติดเชื้อยิ่งขึ้น

แผนภาพที่สอง แสดงให้เห็นว่า หนามของเชื้อ SARS-Cov-2 มีประจุบวกที่เข้ามาเกาะเซลล์มนุษย์ เหมือนกับแม่เหล็ก ทำให้ติดเชื้อได้อย่างยิ่งยวด

แต่ด้วยความที่เหมือนแม่เหล็กนี่เอง ทำให้กรดอะมิโนประจุบวกต้านทานกันเอง จึงเป็นเรื่องยากที่จะพบกรดอะมิโอ 3 ตัวในหนามเดียว และถ้ายิ่ง 4 ตัวแล้วยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ หนทางเดียวที่จะพบกรณีแบบนี้คือ การสร้างจำลองขึ้นมาเอง

โรคระบาดที่เป็นไวรัสตามธรรมชาติจะค่อยๆ กลายพันธุ์ทีละน้อย และจะเริ่มติดเชื้อมากขึ้น แต่จะทำให้ป่วยได้น้อยลง แต่กับการระบาดของโควิด-19 ที่คิดกันว่าจะเป็นแบบเชื้อตามธรรมชาติ กลับไม่เกิดขึ้น

“ดังนั้นการปล่อยให้มีโครงการทอดลองแบบ Gain of Function เป็นเรื่องที่ต้องทบทวนให้ดี เพราะมันเกิดผลกระทบทางสังคมที่กว้างมาก การตัดสินใจอะไรก็ตามจะปล่อยให้นักวิทยาศาสตร์ทำกันตามลำพังไม่ได้” ดร.โซเรนเซน กล่าว