โฆษก พท. เปิดข้อมูล รัฐบาลนี้กู้เยอะ แต่มี 0 โครงการเกี่ยวการศึกษา-อนาคตเด็ก ชี้น่าห่วง

28 พ.ค.64 ดร. อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ถึงความน่าเป็นห่วงเรื่องงบประมาณทางการศึกษาไทยในยุครัฐบาลประยุทธ์น่าเป็นห่วงมาว่า กู้มาเสียตั้งเยอะแต่ไม่เจอะอนาคตของเด็กเลย
.
หญิงว่า ปัญหาการศึกษาที่สะสมมานานและดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้ “ล้มเหลวสิ้นท่า” ในการแก้ปัญหา หญิงมานั่งคิดทบทวนดูว่า “เราขาดอะไร” “เราหลงลืมอะไร” ทำไมถึงแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เสียที
.
ช่วงที่ยังเป็นอาจารย์สอนนิสิตอยู่ หญิงเห็นเด็กหลายคนที่ต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา นิสิตบางคนต้องหลุดการจากระบบการศึกษา บางคนเรียนดีมากแต่ไม่สามารถเรียนต่อได้ เพราะต้องช่วยพ่อแม่ทำงานเลี้ยงน้องเลี้ยงยาย หญิงสะเทือนใจทุกครั้งเวลาสัมภาษณ์เด็กยากจนเพื่อขอทุนกู้ยืมในการเรียนหนังสือ หญิงรับฟังและคิดเสมอว่า
.
…การศึกษาที่ดีจะทำให้เด็กเหล่านี้หลุดพ้นจากความยากจนได้ แต่
.
“เด็กเหล่านี้จะเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้อย่างไร ในเมื่อยังเขายากจนอยู่ ?”
.
เด็กทุกคนไม่ว่ารวยหรือจน ต้องเข้าถึงการศึกษาที่ดีที่สุดได้อย่างเสมอภาคกัน เข้าถึงคุณภาพในการเรียนการสอนที่เท่าเทียมกัน และไม่ควรมีอุปสรรคใดที่มาขวางกั้นโอกาสทางการศึกษาของเด็กเหล่านี้ ไม่ว่าจากปัญหาความยากจน ปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพ ปัญหาด้านระยะทาง หรือปัญหาทุกอย่างที่เด็กไม่ได้เป็นคนก่อ
.
น่าเสียดายที่ในโลกแห่งความเป็นจริง ประเทศไทยไม่ได้เป็นเช่นนั้น
.
การศึกษาไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโควิด-19 ความรุนแรงและความเสียหายที่ระบบการศึกษาไทยได้รับไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าความเสียหายในทางเศรษฐกิจ และที่สำคัญความเสียหายของระบบการศึกษา มันส่งผลกระทบต่อความเป็นไปต่ออนาคตของชาติ
.
—————
กู้ 1 ล้านล้าน การศึกษาไทยอยู่นอกสายตารัฐไทย
—————
หญิงมานั่งไล่ดูว่า เงินที่รัฐบาลกู้มา 1 ล้านล้านบาทนั้น (ซึ่งตอนนี้ใช้ไปจะเกลี้ยงแล้ว) มีโครงการไหนบ้างที่เข้ามาซ่อมแซม ฟื้นฟูการศึกษาไทย มีโครงการไหนบ้างที่เข้ามาโอบอุ้มดูแลนักเรียนนิสิตนักศึกษาไทยจากความเสียหายทางความรู้ มีโครงการไหนบ้างที่พัฒนาการศึกษาไทยเพื่อรองรับทิศทางการพัฒนาประเทศหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง หญิงดูแล้วดูอีก ปรากฎว่า
.
มี 0 โครงการค่ะ
.
เงินกู้จำนวนมหาศาลกว่า 1 ล้านล้านบาทนั้น ถูกนำมาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทางการศึกษา
.
มีจำนวนเงินทั้งสิ้น 0 บาทถ้วนค่ะ
.
หญิงไม่เข้าใจว่า รัฐมองว่าโควิด-19 นั้นกระทบเฉพาะแค่เศรษฐกิจอย่างเดียวหรือคะ รัฐมองไม่เห็นหรือว่าการศึกษาซึ่งเป็นสิ่งที่จะวางรากฐานอนาคตของชาติกำลังเสียหายย่อยยับ
.
หลายคนอาจบอกว่าเงินกู้ควรนำไปใช้ในสิ่งจำเป็นเร่งด่วนก่อน ถ้าเช่นนั้นหญิงขอถามว่า แล้วอนาคตของเด็กไม่จำเป็นหรือคะ? ปัญหาความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนจริงๆหรือคะ? ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วโครงการจำเป็นเร่งด่วนของท่านคืออะไร
.
—————
กู้อีก 5 แสนล้าน เด็กไทยถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
—————
ล่าสุดออก พ.ร.ก.กู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท มีการพิจารณาในทางลับภายในเวลาไม่กี่นาที จากเอกสารเพียงแค่ 4 หน้าเท่านั้น แจกแจงแผนการใช้เงิน ในการแก้ไขปัญหาโควิด 3 หมื่นล้านบาท เยียวยาประชาชน 3 แสนล้านบาท และฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.7 แสนล้านบาท
.
โดยที่การศึกษาไม่อยู่ในส่วนใดของงบประมาณนี้เลย
.
—————
เปิดไพ่ใบสุดท้าย งบประมาณปี 2565 ความหวังของเด็กไทย
—————
.
ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 มูลค่า 3.1 ล้านล้านบาท งบของกระทรวงศึกษาธิการตั้งไว้ที่ 3.32 แสนล้านบาท ถูกตัดลดลงจากปีที่แล้วถึง 6.7% ซึ่งถูกตัดมากกว่างบกระทรวงกลาโหมเสียอีก…
.
X เกินครึ่งของงบทั้งหมด เป็นรายจ่ายบุคลากรแล้ว 2.11 แสนล้านบาท คิดเป็น 63.7%
.
X ราชการเทอะทะ บุคลากรเยอะ แต่คุณภาพการสอนยังถูกตั้งคำถาม
.
X งบโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ที่เป็นหนึ่งในโอกาสขยายโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กในต่างจังหวัดถูกตัดลงกว่า 80%!!!! จากเดิมปี 64 ที่มี 74.3 ล้านบาท ถูกตัดเหลือเพียง 14 ล้านบาท!!! ในปี 65
.
X งบโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน จากเดิมปี 64 ที่มี 76,165 ล้านบาท ถูกตัดเหลือเพียง 67,360 ล้านบาท หรือถูกตัดไป 8,805 ล้านบาท!!!!
.
X งบส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนออนไลน์ไม่เพียงพอต่อเด็กไทยทั้งประเทศ รวมแล้วงบที่เกี่ยวข้องกับการเรียนออนไลน์ 3 โครงการ มีเพียง 294.87 ล้านบาท (ลดลงจากปีที่แล้ว 26.2 ล้านบาท ลดเพื่อ!!!? แค่นี้ก็น้อยจะตายอยู่แล้ว) หรือคิดเป็นเพียงแค่ 0.08% ของงบกระทรวงศึกษา (โอยยยยยยยยยยยยย)
.
แม้ว่างบกระทรวงจะเยอะ แต่กลับเป็นงบเงินเดือนไปแล้วกว่า 2 ใน 3 เหลือเพียงแสนกว่าล้านในการบริหารจัดการ ก็ยังมิวาย ไปตัดลดงบในการสร้างโอกาสทางการศึกษาไปอีก ตัดลดงบที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับเด็กโดยตรงเข้าไปอีก แบบนี้แล้ว เด็กจะได้ประโยชน์อะไรจากงบเหล่านี้ งบประมาณที่ตั้งขึ้นโดยไม่สนใจเด็กแบบนี้ ย่อมเป็นงบประมาณที่ไร้อนาคต ไร้ประสิทธิภาพ และไร้ความเท่าเทียม …ความหวังสุดท้ายของการศึกษาเด็กไทย เหมือนเป็นเพียงความหวังที่เลื่อนลอย
————–
ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อโอกาสและคุณภาพทางการศึกษาของเยาวชนทั้งสิ้น
.
นอกจากการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เข้าท่าไม่เข้าทีแล้ว การใช้อำนาจรัฐในการสั่งปิดโรงเรียน เลื่อนเปิดเทอมหลายรอบนั้น ทำให้เด็กไทยต้องขาดเรียนแล้วกว่า 90 วัน จากทั้งหมด 200 วัน คิดเป็น 40% ทำให้เยาวชนไทยเกิดความถดถอยทางการเรียนรู้ 20-50% โดยเฉพาะด้านการอ่าน วิทย์ คณิต (ข้อมูลจากกสศ.) แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้จะละเลย ละทิ้ง และไม่สนใจใยดีการศึกษาเลยแม้แต่น้อย
.
พวกท่านกำลังทำอะไรกับเยาวชนไทย?
.
—————
เรื่องการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ของบประมาณจากรัฐบาล จำนวน 7,635 ล้านบาท แต่กลับถูกคณะรัฐมนตรีตัดงบดังกล่าวถึง 2 ครั้ง จนเหลือเพียง 5,652 ล้านบาท (ลดลงราว 2 พันล้านบาท) ซึ่งน้อยกว่างบปี 64 ที่ได้ 6,084 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 400 ล้านบาท
.
ซึ่งการปรับลดงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ในสถานการณ์ที่ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษากำลังรุนแรงมากขึ้นนั้น สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่เหลียวแลและไม่ใยดีต่อความเท่าเทียมทางการศึกษาของเด็กไทยเลย
.
จึงไม่แปลก ที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา กลายเป็นปัญหาที่รัฐบาลทหาร ผู้อาสาอย่างแข็งขันที่จะมาปฏิรูปประเทศในทุกๆด้าน จะแก้ไขอะไรไม่ได้เลย และล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จากการทำงานที่ผ่านมา 7 ปี ได้พิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ ล้มเหลวในทุกมิติ
.
ไม่ว่าพรบ.งบประมาณ ปี65 ที่มีมูลค่า 3.1 ล้านล้านบาท ไม่ว่าพรก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ไม่ว่าพรก.กู้เงิน(อีกแล้ว) 5 แสนล้านบาท หรือไม่ว่าจะมีเงินมากมายขนาดไหน กู้มากองไว้อีกเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางแก้ไขปัญหาการศึกษาไทยได้ เพราะรัฐบาลไร้ซึ่งปัญญาในการจัดลำดับความสำคัญ ไม่เหลียวแลและไม่ใยดีต่อการศึกษาไทย ตัดเงินในส่วนที่ไม่ควรตัด นำเงินไปใช้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
แบบนี้แล้วคงไม่ต่างอะไรกับ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”
แล้วไหนอนาคตเด็กไทยหล่ะคะ ?
.
ล้มเหลวทั้งการแก้ไขปัญหาระบบการศึกษา ล้มเหลวทั้งการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ล้มเหลวทั้งวิธีคิดในการจัดลำดับความสำคัญในการตั้งงบประมาณ ล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีก ล้มเหลวซ้ำซากมา 7 ปีแล้วนะคะ
.
คืนการศึกษาให้แก่เยาวชน คืนความหวัง คืนอนาคตให้แก่ประเทศ อย่าให้ประเทศพังไปกว่านี้ อย่าให้มันแย่ไปกว่านี้ อย่าให้มันสายไปกว่านี้เลยค่ะ
.
ถ้าลุงๆทั้งหลายเสื่อมสมรรถภาพทางปัญญาแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะทำให้ประเทศดีขึ้นได้ หญิงขออนุญาตแนะนำนะคะ
.
“ทำไม่ได้ ก็ออกไปเถอะค่ะ ไปพักนะคะ ให้คนที่พร้อม ให้คนที่มีความรู้ความสามารถ ได้เข้ามากอบกู้สิ่งที่ลุงทำพังเถอะค่ะ” ถือว่าหญิงขอ
.
ด้วยรัก และหวังดี(ต่อประชาชนทั้งประเทศ)