‘พิธา’ ลงพื้นที่ประตูน้ำ จี้รัฐเร่งเยียวยา ชี้ สถานการณ์วันนี้เลวร้ายกว่าช่วงแรกเทียบไม่ติด

พิธา ลงพื้นที่ประตูน้ำ จี้รัฐเร่งเยียวยา ชี้ สถานการณ์วันนี้เลวร้ายกว่าช่วงแรกเทียบไม่ติด

วันที่ 14 พ.ค.2564 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่าได้ลงพื้นที่ย่านประตูน้ำ รับฟังความเห็นประชาชน เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด โดย ระบุว่า

เช้าวันนี้ ผม พร้อมด้วย พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ คริส โปตระนันทน์ และทีมงานพรรคก้าวไกลลงพื้นที่รับฟังเสียงประชาชนจากพื้นที่ตลาดประตูน้ำ

เป็นเวลาหนึ่งปีกว่าแล้วที่โควิดอยู่กับประเทศไทยของเรา แต่สถานการณ์ในวันนี้กลับดูเลวร้ายกว่าวันแรกมากอย่างเทียบกันไม่ติด ภาพของตลาดที่เงียบเหงา ท่าเรือที่ผู้คนบางตา ร้านอาหารที่ว่างเปล่า ร้านค้าที่ปิดตัวลง ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิดเป็นมากกว่าปัญหาเชิงสาธารณสุข

หลังจากความพยายามกัดฟันสู้มาตั้งแต่การระบาดระลอกแรกเมื่อต้นปีที่แล้ว ประชาชนและภาคธุรกิจ ต้องเผชิญกับการปรับตัวอีกครั้งเพื่อตอบสนองมาตรการห้ามนั่งรับประทานในร้านและมาตรการจำกัดช่วงเวลาเปิดปิด

โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่วันนี้ผมได้พบเจอหลายร้าน ซึ่งทุกร้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลายร้านจะพยายามปรับเปลี่ยนทิศทางการให้บริการเป็นการสั่งซื้อกลับบ้านหรือออนไลน์เดลิเวอรี่แทน แต่หลายร้านก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เนื่องจากรูปแบบของร้านและราคาขายเดิมที่ทำให้ยากต่อการปรับเปลี่ยนไปขายออนไลน์

ถึงแม้ร้านค้าจะพยายามปรับตัวกันอย่างเต็มที่ ส่วนมากก็ต้องเจอกับปัญหารายได้ที่ลดลง ยอดขายที่ตกต่ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พ่อค้าแม่ค้าหลายร้านบอกว่ารายได้ลดลงไปในระดับ 60-80% บางร้านบอกด้วยปริมาณว่าแต่ก่อนหุงข้าววันละ 20 กิโลกรัม ทุกวันนี้หุงข้าว 10 กิโลกรัม ก็ขายแทบไม่เคยหมด

ผู้ประกอบการร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างก็ได้รับผลกระทบจากการที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก เพราะแรงงานขาดแคลนหรือไม่สามารถทำงานได้ เงินทุนที่สะสมจากร้านที่เปิดมาหลายสิบปีแทบจะหมดลงในปีนี้ ถึงแม้ว่าจะกัดฟันสู้อย่างเต็มที่ แต่หลายร้านค้าก็ไม่อาจแบกภาระหนี้สิ้นและต้นทุนในแต่ละวันได้ จนต้องทยอยปิดตัวลงไปเป็นจำนวนมาก

และเมื่อร้านค้า ร้านอาหาร หนึ่งร้านปิดตัวลง ผู้รับผลกระทบโดยตรงไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการเท่านั้น แต่เป็นพนักงานในร้าน และครอบครัวของพวกเขาอีกด้วย

จนถึงตอนนี้รัฐบาลต้องตระหนักได้แล้วว่า คนไทยกำลังล้มตายลงทุกวันจากทั้งโรคระบาดและพิษเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลล้มเหลวในการตรวจเชิงรุกโดยสิ้นเชิง ทำให้ไม่สามารถคัดกรองแยกผู้ป่วยออกจากผู้ไม่ป่วยได้ทัน เกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน โอกาสที่ประชาชนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติก็ต้องล่าช้าออกไป เศรษฐกิจก็ไม่สามารถเดินหน้าเสียที

นอกจากนี้ ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาพี่น้องประชาชนให้ถ้วนหน้ากว่านี้ เร็วกว่านี้ และมากกว่านี้ รวมถึงยกเลิกการลงทะเบียนรับสิทธิ ยกเลิกเงื่อนไขรับเงินช่วยเหลือ และยกเลิกมาตรการที่ไม่เห็นหัวผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการรายย่อย ที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้

วิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไม่ควรมีใครถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลังเป็นอันขาด คนไทยทุกคนจะต้องได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ผมขอให้รัฐบาลเข้าใจเสียทีว่า พี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อน ภาคธุรกิจกำลังล่มสลาย เศรษฐกิจของประเทศกำลังถอยหลัง ในขณะที่รัฐบาลยังมีงบประมาณตาม พ.ร.ก. เหลืออยู่กว่า 2.5 แสนล้านบาทและงบกลางอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท ที่สามารถนำมาแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่าง มากพอ เร็วพอ และถ้วนหน้าครับ