เมื่อ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา รอยเตอร์ รายงานว่า ทางการนอร์เวย์เป็นประเทศที่สองต่อจากเดนมาร์กที่ประกาศจะไม่นำวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากบริษัทแอสตราเซเนกา ประเทศอังกฤษ กลับมาฉีดอีก นับจากสั่งระงับไปเมื่อ 11 มี.ค.

เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงหาความเกี่ยวโยงกับผลข้างเคียงการเกิดลิ่มเลือดในผู้รับวัคซีนที่หาพบได้ยาก ส่วนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันที่ถูกระงับไปพร้อมกันยังไม่รอความชัดเจน

นางเออร์นา โซลเบิร์ก นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ กล่าวว่าตัดสินใจจากผลการศึกษาในนอร์เวย์และเดนมาร์ก พบว่า ผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกจากแอสตราเซเนกา มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นว่าอาจเกิดลิ่มเลือดในสมอง เมื่อเทียบกับความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดในประชากรทั่วไป

นอกจากนี้ คณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของนอร์เวย์แนะนำรัฐบาลว่าไม่ควรนำวัคซีนแอสตราเซเนกามาใช้เป็นวัคซีนหลักในโครงการฉีดวัคซีนฟรีให้ประชาชน ไม่เพียงเท่านี้ คณะที่ปรึกษาฯยังได้แนะนำห้ามวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อีกตัวด้วย ซึ่งวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ แอสตร้าเซเนก้านั้น ใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกันในการพัฒนาวัคซีน