“เดียร์ วทันยา”แนะรัฐ แยกจัดการชุมชนแออัดเป็นกรณีพิเศษ เตือนหากช้าระวังคุมโควิดไม่อยู่

“เดียร์” แนะรัฐ แยกจัดการชุมชนแออัดเป็นกรณีพิเศษ เตือนหากช้าระวังคุมโควิดไม่อยู่

วันที่ 3 พ.ค. เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แกนนำกลุ่มดาวฤกษ์ เขียนข้อความแสดงความเห็นกรณีสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของโควิดในชุมชนแออัด โดย ระบุว่า

“โควิดคลองเตย” ถ้ากทม.ไม่เร่ง นี่จะเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ที่สุดกลางกรุงเทพมหานคร จากที่เดียร์เคยได้โพสต์ไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 เมษายน ว่าภาครัฐควรแยกระบบจัดการชุมชนแออัดเป็นกรณีแยกพิเศษจากเคสผู้ป่วยโควิดทั่วไป เพราะคนในชุมชนแออัดมีข้อจำกัดที่แตกต่างจากผู้ป่วยอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ สภาพที่อยู่อาศัยในชุมชมที่เป็นพื้นที่คับแคบ ไม่มีพื้นที่แยกเป็นสัดส่วนในการกักตัวระหว่างผู้ป่วยและคนที่มีความเสี่ยง คนในชุมชนอยู่ร่วมกันในพื้นที่จำกัดเป็นจำนวนมาก หากเกิดการแพร่ของเชื้อโควิด ก็จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในทันที

กระทั่งวันนี้สิ่งที่เดียร์กลัวจะเกิดขึ้นถ้าหากไม่มีการบริหารงานเชิงรุกที่ถูกต้อง ก็กลายเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโควิดคลัสเตอร์คลองเตย ดังนั้นสิ่งที่ภาครัฐต้องเร่งดำเนินการจากที่มีการเรียกร้องไปแล้วคือ

1. การเร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก 100% (หยุดบริหารตัวเลขผู้ป่วย) ในชุมชนที่เหลือเพราะตอนนี้ต้องถือว่าคนในชุมชนทั้งหมดคือผู้มีความเสี่ยง แล้วทำการเร่งคัดแยกผู้ป่วยและคนที่มีความเสี่ยงสูง (ผู้สัมผัสใกล้ชิด) ออกจากพื้นที่โดยด่วน

2. ระดมเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ให้ความรู้กับประชาชนที่เหลือในการดูแลตนเองที่ถูกต้อง รวมถึงกรณีหากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มจะต้องเร่งดำเนินการอย่างไรต่อ

3. ออกมาตรการควบคุมผู้อาศัยในชุมชนคลองเตยเพื่องดการเดินทางไปมา เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปกลุ่มภายนอก

4. การเร่งให้ความช่วยเหลือพร้อมทั้งเยียวยาคนในชุมชน กรณีหากมีการออกมาตรการควบคุม (lock down)คนในชุมชน เพราะคนในชุมชนเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการความช่วยเหลือ

ชุมชนคลองเตยเป็นเพียงตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของภาครัฐที่ต้องแยกการจัดการชุมชนแออัดเป็นกรณีพิเศษเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แต่อย่าลืมว่าในกรุงเทพเรามีชุมชนแออัดกระจายตัวอยู่ในทั่วทุก 50 เขตของ กทม. ที่ตอนนี้ก็กำลังตกอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างจากกรณีของชุมชนคลองเตย

ทั้งนี้เดียร์ขอส่งกำลังใจไปให้ผู้รับผิดชอบ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงให้เข้มแข็งเพื่อที่เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันค่ะ