ได้จัดนโยบาย “3V” คือ 1. Visit (เยี่ยมเยือน) ,2. Vaccinate (ฉีดวัคซีน) และ 3. Vacation (พักร้อน) โดยมีการเสนอจะฉีดวัคซีนให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังมัลดีฟส์ ให้ครบทั้ง 2 โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องพักอาศัยอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ซึ่งระหว่างการรอฉีดนั้นเราก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าที่นี่มีมาตรการการเว้นระยะห่างอย่างดีเยี่ยม เพราะที่พักนั้นจะกระจายตัวอยู่ห่างออกไปในแต่ละเกาะ จึงมีความปลอดภัยที่สูงมากเลยทีดียว

2. ดูไบ

หนึ่งในเมืองใหญ่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาฉีดวัคซีน ซึ่งเปิดให้บริหารสำหรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศ ยกเว้นเที่ยวบินหรือนักท่องเที่ยวที่มาจากแอฟริกาใต้ ไนจีเรีย และอินเดีย โดยนักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องนำผลผลการทดสอบโควิดที่เป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาด้วย ทั้งนี้อาจมีการให้ทดสอบใหม่ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางที่เดินทางมา

3. นอร์เวย์

บริษัทท่องเที่ยวนอร์เวย์ ‘World Visitor’ ได้จัดแพ็กเกจทัวร์รัสเซีย ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยทุกแพ็กเกจจะได้ฉีดวัคซีนสปุตนิก วี ของรัสเซียด้วย ไม่ว่าจะเป็นทริประยะสั้น จำนวน 2 ทริป ภายใน 1 เดือน เพื่อฉีดวัคซีน 2 โดส หรือทริประยะยาว 23 วัน ฉีดวัคซีน 2 โดส และได้พักในสปารีสอร์ตแบบหรูหรา

4.เซอร์เบีย

ได้เปิดทดลองฉีดวัคซีนให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นประเทศที่มีวัคซีนมากกว่าที่ประชาชนต้องการ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจะได้ฉีด ไฟเซอร์ ,แอสตร้าเซนเนก้า ,สปุตนิกไฟว์ และซิโนฟาร์ม ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาฉีดวัคซีนจำนวนมาก แต่ตอนนี้ได้ระงับวัคซีนสำหรับชาวต่างชาติชั่วคราว เนื่องจากต้องการมุ่งเน้นการฉีดวัคซีนกลับไปที่พลเมืองของเซอร์เบียก่อน

5. สาธารณรัฐมอริเชียส

ประเทศที่เป็นเกาะนอกชายฝั่งแอฟริกา มีนโยบายวัคซีนทัวร์ สำหรับผู้ที่ยื่นขอ visa ระยะยาวและมีอายุมากกว่า 18 ปี จะได้รับอนุญาตให้ท่องเที่ยวได้ 1 ปี และได้สิทธิ์รับวัคซีนฟรี คือวัคซีน โควิชีลด์และวัคซีนโควาซินของบารัต ไบโอเทค จากอินเดีย

6. บางมลรัฐในสหรัฐอเมริกา

นั้นอนุญาตให้บุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นประชาชนสหรัฐหรือไม่ก็ตาม ขอเพียงคุณมีวีซ่าเข้าประเทศ ก็สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ทันที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ ในแต่ละรัฐ โดยในนี้รัฐที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับนักท่องเที่ยวได้นั้น ก็อาทิ อะแลสกา แอริโซนา โคโลราโด ไอโอวา ลุยส์เซียนา มิชิแกน เนวาดา โอไฮโอ และนิวยอร์ก เป็นต้น

ทั้งนี้นิวยอร์กเปิดรับ Walk-in ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนจากทั่วโลก เพียงแค่นำพาสสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางมาที่ American museum of Natural and history (พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและประวัติศาสตร์) สามารถรับการ ฉีควัคซีนต้านโควิด-19 ทั้งของไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายโดยสามารถลงทะเบียนขอรับได้เลย

อย่างไรก็ตามแม้ว่า ‘วัคซีนทัวร์’ อาจจะสามารถตอบสนองความต้องการที่จะฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มคนบางกลุ่มได้ แม้ว่าทั่วโลกจะมีเป้าหมายร่วมกันนั่นคือการ ‘ยุติการแพร่ระบาดของโควิด’ แต่ก็ยังมีการตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมว่าในเมื่อประชากรส่วนใหญ่ในประเทศยังรอคอยวัคซีนที่จัดสรรโดยรัฐบาลอยู่ แต่ทำไมผู้ที่มีเงินกลับมีทางเลือกที่มากกว่า ที่จะป้องกันตัวเองจากโรคร้ายนี้