‘นคร มาฉิม’ ปลุกแรงงาน หากไม่สู้โดนกดขี่-ตกงานไม่จบ

‘นคร มาฉิม’ ปลุกแรงงานสู้ หากไม่สู้โดนกดขี่-ตกงานไม่จบ เย้ย รบ.กลัวการรวมตัวของกลุ่มผู้ใช้แรงงาน

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นายนคร มาฉิม อดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน สภาผู้แทนราษฏร และอดีตประธานกมธ.พัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า วันแรงงาน 2564 วันที่แรงงานไทย ใกล้สิ้นลม เพราะ 1. ทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร พวกเขาจะย่อยสลาย ทำลาย องค์กรแรงงาน ให้อ่อนแอ ให้คนของเผด็จการเข้าไปอยู่ในองค์กรแรงงาน ทำให้สหภาพแรงงาน สหพันธ์แรงงาน และสถาบันแรงงานอ่อนแอ ขาดเอกภาพ ไม่ให้แรงงานรวมตัวกัน มาต่อต้าน หรือขับไล่ รัฐบาลเผด็จการ ช่วงไหนที่แรงงานเข้มแข็ง ผู้นำแรงงานจะอุ้มหาย เช่นนายทนง โพธิ์อ่าน ช่วงไหนที่คุมแรงงานอยู่ ก็จะให้ตำแหน่ง อำนาจ ผลประโยชน์ แก่ผู้นำแรงงาน เพื่อไม่ให้นำขบวนแรงงานมาขับไล่รัฐบาล โดยรัฐบาลเผด็จการ จะกลัวการรวมตัวของกลุ่มผู้ใช้แรงงานมากที่สุด มากกว่า กลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา เพราะมีจำนวนมาก และกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบ ในวงกว้างของประเทศ 7 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นยุคมืด ของผู้ใช้แรงงานทุกภาคส่วนของไทย อย่างแท้จริง แรงงานทั่วประเทศ ทั้งในระบบ และ นอกระบบ จำนวน 38.2 ล้านคน จึงเดือดร้อนแสนสาหัส แม้จะมีจำนวนมาก แต่ขาดการรวมตัวอย่างมีเอกภาพ จึงไร้พลังที่จะต่อรองสิทธิ และค่าแรง รวมถึงสวัสดิการอันควรมี ควรได้ อย่างน่าใจหาย เช่น รัฐบาลเผด็จการนี้สัญญาในนามพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า แรงงานต้องมีงานทำ ค่าแรง ขั้นต่ำ 425 บาท คนที่จบ ปวส เดือนละ 18,000 บาท คนที่จบปริญญาตรี 20,000 บาท ซึ่งเป็นเรื่องโกหก หลอกลวง แรงงาน ทั้งสิ้น แม้กระทั่งเงินในกองทุนประกันสังคมของแรงงานเอง กลุ่มแรงงานแทบจะไร้อำนาจบริหาร จัดการเอามาใช้ในยามวิกฤติที่สุด กลับถูกรัฐบาลเผด็จการนี้ รวมหัวกับคณะกรรมการบางคนนำไปแสวงหาผลประโยชน์ร่ำรวย ส่วนแรงงานกลับทุกข์ยาก ลำบากสาหัส ใช้เงินตัวเองในคราวจำเป็นไม่ได้

นายนคร กล่าวอีกว่า 2.ภายใต้รัฐบาลเผด็จการนี้ สินค้าจากไทย ถูกกีดกันทางการค้า ด้วยมาตรการทางภาษี เพราะโลกเสรี ไม่ยอมรับ ระบอบเผด็จการที่ทำรัฐประหาร ปล้นอำนาจของประชาชน บริษัทต่างชาติจึงทยอยย้ายฐานการผลิตออกไปประเทศอื่น ในภูมิภาคหลายพันบริษัท และตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมา แทบจะไม่มีบริษัทต่างชาติ รายใหญ่ๆ เข้ามาลงทุนใหม่ในประเทศไทยเลย ซึ่งกระทบต่อผู้ใช้แรงงานโดยตรง ทำให้แรงงานที่ทำงานอยู่แล้ว ต้องตกงาน กว่า 10 ล้านคน และ แรงงานที่จบการศึกษาใหม่ ไม่มีงานทำ ดูได้จาก หากมีบริษัทใด เปิดรับสมัครงาน จะมีคนหางานทั้งที่มีประสบการณ์ และที่จบมาใหม่ แห่กันไปสมัครเกินกว่าที่ต้องการนับร้อยนับพันเท่า เห็นสภาพแล้ว ช่างน่าสงสาร 3.พวกเขารู้หรือไม่ว่า ความทุกข์ยาก ลำบากนี้ เกิดมาจากรัฐบาลเผด็จการ ที่ประเทศถูกคว่ำบาตรและบอยคอตจากต่างประเทศ และ 4.แรงงานจำนวนไม่น้อย มีภาระ ต้องเลี้ยงดู บุตร ภรรยา พ่อ แม่ คนในครอบครัว และที่สำคัญมีภาระ หนี้สิน ต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ผ่อนหนี้สินสารพัด ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทั้งที่ แรงงานไทย มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ และฝีมือ ในระดับแถวหน้าของโลก

Powered by Streamlyn

“หากพวกท่าน ไม่รวมพลังกันเป็นกลุ่ม เป็นองค์กร เป็นเครือข่าย อย่างมีเอกภาพ พวกท่านจะยิ่งทุกข์ยาก ยิ่งลำบาก ต่อไปจะถูกฟ้องร้อง ดำเนินคดี ถูกยึดทรัพย์สิน ไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่ออาศัย เพราะจะถูกยึดทรัพย์สินขายทอดตลาดหมด ภายใต้รัฐบาลเผด็จการทรราชนี้ ที่เกื้อกูลเฉพาะกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ที่ผูกขาด ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่พวกท่าน ทั้งที่ทำงานอยู่ ที่ตกงาน และที่กำลังหางาน จะสละเวลาพิจารณา ถึงต้นตอของปัญหา สภาพของปัญหา และอนาคต ที่สิ้นหวังภายใต้รัฐบาลนี้ แล้วมาร่วมกันขับไล่รัฐบาลเผด็จการทรราชนี้ ให้พ้นไปเสีย ก่อนที่หายนะ ความวิบัติ จะมาเยือนท่าน และชาติบ้านเมืองของเรา ลุกขึ้นเถิด พี่น้องผู้ใช้แรงงาน มาสู้เพื่อตัวท่าน ครอบครัวของท่าน และอนาคตของท่าน ให้มีคุณภาพชีวิต และโอกาสที่ดีกว่านี้ หากไม่เสียสละ หากไม่ลุกขึ้นมาสู้ อย่างมีเอกภาพ อย่างพร้อมเพรียง พวกท่านจะถูกกดขี่ ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบ ถูกยึดทรัพย์สิน ไม่มีแม้กระทั่ง ที่อยู่อาศัย ภายใต้รัฐบาลเผด็จการนี้ตลอดไป” นายนคร กล่าว