อนุชา แจง รบ.ไม่ปิดกั้นนำเข้าวัคซีน ชี้เอกชนนำเข้าได้ปลายปี ย้ำล่าช้า-ทับซ้อน จึงให้รัฐบาลจัดหา

“โฆษกรบ.” เผย รัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาวัคซีนตามแผนเดิม หลังหารือกับภาคเอกชน ยัน ไม่ได้ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีน ด้านรพ.เอกชนนำเข้าวัคซีนตามแผน

วันที่ 30 เมษายน 2564 เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเรื่องการจัดหาวัคซีนว่า ภาคเอกชนประชุมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ข้อสรุปเบื้องต้นในการจัดหาวัคซีนคือ รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นในส่วนของเอกชนที่จะมีส่วนร่วมในการจัดหาวัคซีน แต่จากการประชุมภาคเอกชนได้ชี้แจงว่าการจัดหาวัคซีนกับผู้ผลิตในต่างประเทศมีการติดต่อไปแล้ว และในเรื่องของการส่งมอบอาจมีความล่าช้าเพราะผู้ผลิตในแต่ละที่ได้แจ้งมาว่า สามารถส่งมอบได้ในไตรมาสที่ 4 หรือ ปลายปี เพราะฉะนั้นในขั้นตอนตรงนี้ทำให้เกิดความล่าช้าและในส่วนนี้ ภาคเอกชนจะให้รัฐเป็นคนนำเข้าวัคซีน

โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ได้ชี้แจงว่ากรณีที่ภาคเอกชนจะสามารถนำเข้าวัคซีนช่วงปลายปีถือว่าล่าช้าและทับซ้อนในส่วนของวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาได้ เพราะฉะนั้นในส่วนตรงนี้จึงสรุปว่าให้ทางรัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาวัคซีนตามแผนเดิมที่มีไว้คือ ภายในสิ้นปีนี้จะมีทั้งสิ้น 100 ล้านโดส ตามกำหนดการที่จะเข้ามา

นายอนุชา กล่าวว่า ในเรื่องของการจัดหาวัคซีนทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้ออกมาชี้แจงเช่นเดียวกันในกรณีนี้ว่า วัคซีนต่างๆที่ธุรกิจเอกชนจัดหาไม่ได้เกี่ยวข้องในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนเพราะฉะนั้นในส่วนของโรงพยาบาลก็ยังดำเนินการตามกลไกของคณะกรรมการพิจารณาจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน ซึ่งถือว่าเป็นการจัดหาวัคซีนทางเลือกและแนวทางการจัดหาวัคซีนนี้ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนก็ยังคงดำเนินการอยู่และยังสามารถเจรจาเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าวัคซีนได้อีกทางเลือกหนึ่ง

“ขอยืนยันวัคซีนทางด้านรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น ในส่วนของเอกชนก็สามารถดำเนินการนำเข้ามาได้ถ้าหา วัคซีนเข้ามาได้ทันตามกำหนด แต่ทั้งนี้ ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชน ยังคงดำเนินการอยู่ในส่วนของการจัดหาวัคซีนเข้ามาเพิ่มเติม” นายอนุชา กล่าว