8 แสนก็ฟรี! สปสช.เปิดเกณฑ์รักษา-ตรวจโควิด ย้ำ รพ.ห้ามเก็บคนไข้ทุกคนทุกสิทธิ

8 แสนก็ฟรี! สปสช.เปิดเกณฑ์รักษา-ตรวจโควิด ย้ำ รพ.ห้ามเก็บคนไข้ทุกคนทุกสิทธิ

วันที่ 29 เมษายน 2564 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการดูแลค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 รวมถึงค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ว่า ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลมีนโยบายดูแลคนไทยทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และโรงพยาบาลห้ามเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยในทุกสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นกรณีสงสัยว่าติดเชื้อ หรือกรณีที่ติดเชื้อแล้ว และไม่มีคำว่า เรียกเก็บส่วนที่เกินจากที่รัฐบาลจ่ายให้ เพราะรัฐบาลจ่ายให้ครอบคลุมในทุกกรณีแล้ว

นพ.จเด็จ กล่าวว่า ในส่วนของการตรวจโควิด-19 โรงพยาบาลจะเบิกจ่ายจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ทั้งหมด แต่ในส่วนการรักษาพยาบาล หลังตรวจพบเชื้อ จะเบิกจ่ายตามสิทธิหลักประกันสุขภาพที่มี เช่น สิทธิประกันสังคม เบิกจ่ายกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เบิกจ่ายจากกรมบัญชีกลาง และสิทธิบัตรทอง เบิกจ่ายกับ สปสช.

“ขณะนี้ทราบว่า มีข้อร้องเรียนของประชาชนทางโซเชียล มีเดีย บอกว่าถูกเรียกเก็บเงิน หรือต้องจ่ายเงินเอง ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า หากพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ในกรณีของโรงพยาบาลเอกชน นั้น สปสช.ได้ทำข้อตกลงกับภาคเอกชนแล้วว่าจะไม่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยโดยเด็ดขาด แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยบางรายมีประกันสุขภาพเอกชน ก็อาจจะต้องใช้ส่วนนั้นไปก่อน ส่วนการจ่ายชดเชยให้โรงพยาบาลเอกชนนั้น จะเป็นไปตามระบบยูเซ็ป (UCEP) หรือรักษาฉุกเฉินเร่งด่วน โรงพยาบาลไม่ต้องกังวล ได้รับค่ารักษาแน่นอน” เลขาธิการ สปสช.กล่าว

ทั้งนี้ นพ.จเด็จ กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีค่ารักษาผู้ป่วยโควิด-19 รายหนึ่ง โรงพยาบาลส่งเบิก สปสช. 8 แสนบาท ซึ่งเป็นกรณีวิกฤต หรือสีแดง ได้เบิกจ่ายให้กับโรงพยาบาลแล้ว หรือกรณีผู้ป่วยโควิด-19 สีเหลือง อาการไม่รุนแรง ที่โรงพยาบาลส่งเบิกเข้ามาตามหลักเกณฑ์ มี 1 ราย ที่มีค่ารักษาประมาณ 4 แสนบาท สปสช.ก็เบิกจ่ายให้กับโรงพยาบาลไปแล้วเช่นกัน

“สปสช.จะจ่ายชดเชยให้ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โดยครอบคลุมทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยกรณีผู้ป่วยนอก (OP) จะจ่ายค่าห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ค่าเก็บตัวอย่าง ค่าใช้จ่ายในกรณีที่มียารักษาเฉพาะผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือค่ารถส่งต่อระหว่างหน่วยบริการ บ้าน ค่าด่านตรวจคัดกรอง หรือ State Quarantine (SQ) สำหรับกรณีผู้ป่วยใน (IP) จะมีการจ่ายชดเชย ค่าแล็บ ค่ายารักษา และที่สำคัญก็คือ ค่าชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) หรืออุปกรณ์ที่ป้องกันการแพร่กระจ่ายเชื้อ ก็จะมีการจ่ายชดเชยตามจริงให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้เข้าไปสัมผัสผู้ติดเชื้อ ขณะที่ค่าห้องนั้น ถ้าจำเป็นต้องรักษาในห้องความดันลบ (Negative Pressure) สปสช.จ่ายชดเชยให้ 2,500 บาทต่อวัน ส่วนค่าหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ เช่น โรงพยาบาลสนาม และ ฮอสปิเทล (Hospitel) หากโรงพยาบาลเห็นว่ามีความจำเป็นต้องย้ายผู้ป่วยไปรักษาตัวยังสถานที่นั้นๆ ก็จะมีการจ่ายชดเชยให้ไม่เกิน 1,500 บาท ต่อคนต่อวัน รวมไปถึงค่ารถที่ต้องส่งต่อผู้ป่วยไปยังจุดต่างๆ ด้วย” เลขาธิการ สปสช.กล่าว

นพ.จเด็จ กล่าวว่า เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคเจ็บป่วยฉุกเฉิน และเป็นภาระต่อประชาชนในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง หากทำตามคำแนะนำของแพทย์ หรือหน่วยบริการนั้นๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มเติม ในกรณีที่มีปัญหาผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทอง รวมไปถึงผู้ที่เข้าเกณฑ์ทุกอย่างแล้วยังถูกเรียกเก็บค่าบริการ ให้สอบถาม-แจ้งเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช.1330

ทั้งนี้การจ่ายชดเชยโควิด-19 ให้หน่วยบริการหรือโรงพยาบาลเพิ่มเติมจากระบบปกติ ครอบคลุมดังนี้

กรณีผู้ป่วยนอก (OP)
1.ค่าตรวจแล็บ + ค่าเก็บตัวอย่าง
2.ค่ายาที่เป็นการรักษาเฉพาะผู้ป่วยโรคโควิด-19 จ่ายตามจริงไม่เกิน 7,200 บาทต่อราย
3.ค่ารถส่งต่อระหว่างหน่วยบริการ, บ้าน, ด่าน, SQ + ชุด PPE +ยาฆ่าเชื้อ (จ่ายตามจริงตามระยะทาง+3,700บาท)

กรณีผู้ป่วยใน (IP)
1.ค่าตรวจแล็บ + ค่าเก็บตัวอย่าง
2.ค่ายาที่เป็นการรักษาเฉพาะผู้ป่วยโรคโควิด-19 จ่ายตามจริงไม่เกิน 7,200 บาทต่อราย
3.ค่าชุด PPE เหมาจ่าย 740 บาทต่อชุด หรือ ค่าอุปกรณ์อื่นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ตามอาการเล็กน้อย จ่ายตามจริงไม่เกิน 11,100 บาทต่อวัน หรือ อาการรุนแรงจ่ายตามจริงไม่เกิน 22,200 บาทต่อวัน     4.ค่าห้อง 4.1ค่าห้องควบคุม หรือห้องดูแลการรักษาภายใน รพ. จ่ายตามจริงไม่เกิน 2,500 บาทต่อวัน
4.2ค่าหอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 จ่ายตามจริงไม่เกิน 1,500 บาทต่อวัน (หอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 คือ สถานที่อื่นของหน่วยบริการ ที่จัดให้เป็นหอผู้ป่วยที่อยู่ภายใต้การควบคุมกำกับของหน่วยบริการนั้นๆ ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขกำหนด หรือแนะนำ เช่น Cohort ward, Camp Isolation, รพ.สนาม, ฮอสปิ เทล เป็นต้น)
5.ค่ารถส่งต่อระหว่างหน่วยบริการ, บ้าน, ด่าน, SQ + ชุด PPE +ยาฆ่าเชื้อ (จ่ายตามจริงตามระยะทาง+ค่าอุปกรณ์ป้องกันและทำความสะอาด 3,700บาท)

สำหรับค่าตรวจแล็บ + ค่าเก็บตัวอย่าง หรือค่าตรวจคัดกรองและตรวจยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ครอบคลุมบริการตรวจคัดกรอง 4 รายการ ได้แก่

1.การตรวจด้วยวิธี RT-PCR โดยการทำป้ายหลังโพรงจมูกและลำคอ อัตราเบิกจ่ายค่าตรวจแลปจ่ายตามจริงไม่เกิน 1,600 บาท ค่าบริการเหมาจ่าย 600 บาท ค่าเก็บตัวอย่างเหมาจ่าย 100 บาท

2.การตรวจด้วย RT-PCR โดยการทำแบบรวมตัวอย่าง ทั้งตัวอย่างน้ำลายแบบรวมตัวอย่าง (Pooled savila samples) และตัวอย่างป้ายหลังโพรงจมูกและป้ายลำคอแบบรวมตัวอย่าง (Pooled swab samples) แยกเป็น
-การตรวจตัวอย่างน้ำลายแบบรวมตัวอย่าง (Pooled saliva samples) อัตราเบิกจ่ายค่าตรวจแล็บจ่ายตามจริงไม่เกิน 320 บาท ค่าบริการเหมาจ่าย 100 บาท ค่าเก็บตัวอย่างเหมาจ่าย 100 บาท
-การตรวจตัวอย่างป้ายหลังโพรงจมูก และป้ายลำคอแบบรวมตัวอย่าง (Pooled nasopharyngeal and throat swab samples) อัตราเบิกจ่ายค่าตรวจแลปจ่ายตามจริงไม่เกิน 400 บาท ค่าบริหารเหมาจ่าย 75 บาท และค่าเก็บตัวอย่างเหมาจ่าย 100 บาท
-การตรวจด้วยวิธี Realtime RT-PCR กรณีการทำ Pooled Sample มีผลตรวจเป็นบวก อัตราเบิกจ่ายค่าตรวจแลปจ่ายตามจริงไม่เกิน 1,600 บาท ค่าบริการและเก็บตัวอย่างรวมเหมาจ่าย 200 บาท

3.การตรวจภูมิคุ้มกัน (Antibody) ค่าบริการเหมาจ่าย 350 บาท

4.การตรวจเชื้อไวรัส (Antigen) สำหรับหน่วยบริการที่ทำการตรวจคัดกรองและตรวจยืนยันเชื้อโควิด-19 นี้ ต้องผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการและได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ่ายตามจริงไม่เกิน 1,200 บาท โดยในกรณีฉุกเฉินตรวจร่วมกับ RT-PCR กำหนดจ่ายตามจริงไม่เกิน 500 บาท