‘เพื่อไทย’ จี้รัฐเร่งช่วย 7 ชีวิต ตา-ยาย วัย 60 ถึงหลานชายวัย 3 เดือน ลุ้นติดโควิดยกห้องเช่าย่านเพชรบุรี 

“เพื่อไทย” จี้รัฐเร่งช่วย 7 ชีวิต ลุ้นติดโควิดยกห้องเช่าย่านเพชรบุรี ตั้งแต่ตา-ยาย วัย 60 ถึงหลานชายวัย 3 เดือน

วันที่ 29 เมษายน น.ส.ทัดดาว ตั้งตรงเจริญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ราชเทวี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีครอบครัวใหญ่มีสมาชิก 7 คน พักห้องเช่าที่เพชรบุรีซอย 7 เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ซึ่งครอบครัวนี้มีสมาชิกอยู่รวมกัน 7 คน ผู้ป่วยชายได้แจ้งขอความช่วยเหลือเข้ามาว่า ครอบครัวเช่าห้องเช่าอยู่รวมกัน 1 ห้อง รวม 7 คน โดยมีคุณตาอายุ 60 กว่าปี คุณยายอายุ 60 ปี สามีอายุ 40 ปี ภรรยาอายุ 34 ปี และลูกอีกรวม 3 คน โดยผู้ที่ติดเชื้อรายแรกคือคุณตา ซึ่งมีอายุกว่า 59 ปี ป่วยเป็นมะเร็ง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจึงมีการตรวจเลือดและตรวจโควิดจึงพบว่าติดเชื้อตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา จึงถูกพาตัวไปรักษาในโรงพยาบาลแล้ว

หลังจากนั้น แม่ยายและภรรยา จึงไปตรวจเชื้อโควิดตามสิทธิประกันสังคมที่โรงพยาบาลหัวเฉียวเมื่อวันที่ 26 เมษายน และพบว่าติดเชื้อโควิด ส่วนสามีไปตรวจใช้สิทธิโครงการหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค ตรวจพบเชื้อวันที่ 28 เมษายน ตอนนี้มีความกังวลใจมาก เนื่องจากว่าพวกตนเองยากจน หาเช้ากินค่ำ และอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ จำเป็นต้องอาศัยอยู่รวมกัน เมื่อผู้ใหญ่ คือพ่อตา แม่ยาย ภรรยาและสามีคือตนเองติดเชื้อแล้ว โอกาสที่ลูกเล็กอายุ 6 ขวบ 4 ขวบ และ 3 เดือน จึงมีความเสี่ยงสูงมีโอกาสติดเชื้อด้วย

ขณะนี้ผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนเริ่มปรากฏอาการไอ เจ็บหน้าอก มีไข้ มีเสมหะ กินอะไรไม่ได้ และมีอาการเวียนหัวบางเวลามาหลายวันแล้ว ส่วนโรงพยาบาลที่ตรวจพบเชื้อก็แจ้งว่าให้ครอบครัวของตนอยู่อาศัยอยู่ในแต่ห้อง อย่าออกไปไหน ให้กักตัว 14 วัน ซึ่งตนเองก็ถามไปว่า ผู้ใหญ่พอเข้าใจและกักตัวตามมาตรการรัฐได้ แต่สำหรับเด็กทั้ง 3 คนที่อายุยังน้อง จะป้องกันเขาได้อย่างไรทั้งที่มีความจำเป็นต้องอยู่บ้านเดียวกัน เพราะอยู่กินนอนด้วยกันในห้องเช่าเล็กๆ ยังไงก็มีความเสี่ยงสูง

โดยน.ส.ทัดดาวได้เดินทางไปมอบอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของใช้จำเป็นเบื้องต้นให้แก่ ครอบครัวผู้ป่วย พร้อมระบุว่า เคสนี้น่ากังวลมาก เพราะเป็นการติดเชื้อทั้งครอบครัวและเริ่มแสดงอาการเจ็บป่วยเหมือนกันทุกรายนอกจากนี้ ชุมชนเพชรบุรีตัดใหม่ละแวกนี้ ล้วนแต่เป็นชุมชนที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ตนเองจะรีบประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัญหาที่ยังคิดไม่ออกคือ ถ้ารัฐรับผู้ป่วยผู้ใหญ่นี้ไปรักษาพยาบาลตามขั้นตอนแล้ว ในระหว่างที่กักตัวอยู่ 14 วัน ใครจะเป็นผู้รับภาระดูแลเด็กน้อยทั้ง 3 คนโดยเฉพาะเด็กน้อยวัย 3 เดือน หรือถ้าเด็กทั้ง 3 คนติดเชื้อเหมือนผู้ใหญ่แล้ว จะต้องไปอยู่กักตัวกันอย่างไร ซึ่งล่าสุดขณะนี้เด็ก 3 คนเดินทางไปตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลแล้ว แต่จะทราบผลตรวจในวันพรุ่งนี้

“สถานการณ์โควิดระบาดในชุมชนกรุงเทพฯรุนแรงมาก ชาวบ้านในชุมชนตื่นตกใจ ไม่มีหน่วยงานภาครัฐไหนลงไปให้ความรู้ แนะนำวิธีการปฏิบัติตัว มีบอกเพียงแค่ว่าถ้ามีเคสผู้ติดเชื้อให้แจ้งมา ซึ่งภาระมาตกอยู่กับผู้นำชุมชน และเชื้อโควิดขณะนี้ติดต่อเร็วมาก ยิ่งชาวบ้านกักตัวเองในบ้าน กลับกลายเป็นช่องทางให้เชื้อได้แพร่กระจายกันเองในครอบครัวมากยิ่งขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลคิดมาตรการรับมือระบาดรุนแรงตามหอพัก ชุมชน รวมถึงวิธีการติดต่อประสานงานส่งต่อผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้” น.ส.ทัดดาวกล่าว