ทำความรู้จักกับ โควิด-19 ‘สายพันธุ์อินเดีย’ ต้นตอระบาดลุกลาม ติดเร็วกว่า-ตรวจพบยาก

Indian's wait to receive vaccine for COVID-19 at a vaccination center in Mumbai, India, Sunday, April 18, 2021. Over 200,000 new infections were detected in the past 24 hours, and major cities, like Mumbai and New Delhi, are under virus restrictions. (AP Photo/Rafiq Maqbool)

ประเทศอินเดียกำลังเผชิญวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนระบบสาธารณสุขล่ม และถังออกซิเจน เตียงผู้ป่วยไอซียู เครื่องช่วยหายใจ ขาดแคลนขั้นวิกฤต และทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนมากจนต้องทำการเผาทำลายกลางแจ้ง โดยปัจจัยของการระบาดหนักในครั้งนี้มาจากเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ และการไม่ทำตามมาตรการการป้องกันโรค

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อินเดีย

ไวรัสกลายพันธุ์นี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘B.1.617’ โดยตรวจพบครั้งแรกในประเทศอินเดีย เกิดจากการกลายพันธุ์ 2 จุด (double mutant) ซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีการรายงานเชื้อกลายพันธุ์ในสายพันธุ์อังกฤษ บราซิล แอฟริกาใต้ หรือแม้กระทั่งใน ฟิลิปปินส์ เป็นพบการกลายพันธุ์เพียงจุดเดียวเท่านั้น และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ในประเทศระลอก 2 ในประเทศอินเดีย

ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานที่ยืนยันชัดเจนว่า เชื้อดังกล่าวมีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ แต่จากข้อมูลงานวิจัยที่ผ่าน ๆ มาพบว่า การกลายพันธุ์ในตำแหน่ง E484Q และ L452R ทำให้เชื้อมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น และเมื่อเชื้อดังกล่าวสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้ดีก็อาจจะส่งผลให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และระบาดได้มากขึ้น รวมไปถึงประสิทธิภาพของวัคซีนก็อาจจะลดลง

กลายพันธุ์ใหม่สายพันธุ์เบงกอล?

เมื่อไม่นานมานี้ผู้เชี่ยวชาญได้พบว่าในประเทศอินเดียนั้นพบว่าเชื้อโควิด-19 ได้มีการกลายพันธุ์ใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้มีการกลายพันธุ์ 3 จุด (triple mutant variant) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘B.1.618’ หรือ ‘สายพันธุ์เบงกอล’ ถูกพบครั้งแรกในรัฐเบงกอลตะวันตก ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศอินเดียโดยในการกลายพันธุ์ 3 จุดที่เกิดขึ้นนั้นคือ การหายไปของหนามในตำแหน่ง H146 และ Y145 และเกิดกลายพันธุ์ในตำแหน่ง E484K และ D614G

การกลายพันธุ์ในตำแหน่ง D614G นั้นจะส่งผลให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น แพร่กระจายได้เร็วขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนการพบผู้ป่วยในสายพันธุ์นี้นั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง E484K นั้นเป็นจุดที่สร้างความกังวลมากที่สุด เนื่องจากเป็นตำแหน่งของการกลายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับการหลบหนีการตรวจจับของภูมิคุ้มกัน ซึ่งในการค้นพบที่มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งนี้คือ “สายพันธุ์แอฟริกาใต้” และ “สายพันธุ์บราซิล” และทั้งสองตัวนี้ มีผลต่อความประสิทธิภาพของวัคซีนทั้งสิ้น

ทั้งนี้การพบเชื้อกลายพันธุ์ในอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นแบบ 2 จุด หรือ 3 จุด นั้นในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะสามารถสรุปได้แน่ชัดว่าเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย นั้นจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด ทั้งผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังเชื่อว่าการระบาดระลอกสองในอินเดียเกิดจากผู้คนไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน มากกว่าจะเป็นเพราะเชื้อสายพันธุ์ใหม่ แต่การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นนั้นสามารถทำให้ประเมินในเบื้องต้นได้ว่ามีโอกาสติดเชื้อได้มากขึ้น และสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดีมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามในขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกนั้นมีคำสั่งห้ามผู้เดินทางมาจากประเทศอินเดีย เพินทางเข้าประเทศแล้ว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย ทำให้ประเทศที่ยังไม่มีมาตรการดังกล่าวกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของกลุ่มเศรษฐีอินเดีย ที่แห่กันจองตั๋วขึ้นบิน รวมไปถึงการเช่าเหมาลำเพื่อเดินทางไปยังต่างประเทศ โดยปลายทางยอดนิยมในตอนนี้คือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ก็มีกระแสข่าวในโลกออนไลน์ว่า เศรษฐีอินเดียจำนวนไม่น้อยได้เลือก ‘ไทย’ เป็นจุดหมายปลายทาง

Fire in Covid-19 hospital kills 13 as India's world record surge in cases continues | South China Morning Post

ที่มา : indiatoday / Aljazeera / businessinsider / timesofindia