วันที่ 23 เม.ย. บีบีซี รายงานว่า โควิด-19 ระบาดไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์แล้ว โดยนักปีนเขาอย่างน้อย 1 คน ที่อยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ มีผลการทดสอบโควิด-19 เป็นบวก ไม่กี่สัปดาห์หลังยอดเขาสูงสุดในโลกแห่งนี้กลับมาเปิดบริการนักปีนเขาอีกครั้งหลังปิดตัวไป 1 ปี

นายแอร์เลนด์ เน็สส์ นักปีนเขาชาวนอร์เวย์ ต้องแยกตัวพักรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 8 คืน เนื่องจากติดไวรัสโคโรนา 2019 นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ชาวเศรปาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกหาบของทีมนักปีนเขาของนายเน็สส์ มีผลการทดสอบโควิด-19 เป็นบวกเช่นกัน

นายเน็สส์ไม่มั่นใจติดไวรัสที่ไหน แต่มีความเป็นไปได้ที่จะติดขณะอยู่ในโรงน้ำชาแห่งหนึ่งริมหุบเขาคุมบู และเสริมว่าเจ้าตัวป้องกันตัวเองมากกว่าปกติ เช่น ล้างมือบ่อยขึ้น และสวมหน้ากากอนามัยตลอดวัน แต่ว่า “หลายคนไม่สวมหน้ากากอนามัยในช่วงระยะการเดินทาง”

นายเน็สส์ขณะอยู่ในยอดเขาเอเวอเรสต์รู้สึกไม่สบายราว 6 วัน ก่อนถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. จากนั้น ถูกส่งโรงพยาบาล 2 แห่งในกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล และมีผลการทอสอบโควิด-19 เป็นบวก 3 ครั้ง

นายเน็สส์พักรักษาที่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้นตามลำดับ และมีผลการทดสอบเป็นลบ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ขณะนี้อยู่กับเพื่อนๆ ในเมืองหลวงเนปาล

ทั้งนี้ คาดว่านักปีนเขาต่างชาติหลายร้อนคนพยายามพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ซึ่งกลับมาเปิดอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่เนปาลเผชิญการระบาดของโควิด-19 ที่ต้องอาศัยรายได้หลักจากทริปยอดเขาเอเวอเรสต์

กรมตรวจคนเข้าเมืองของเนปาลระบุว่า นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้าเนปาลจะต้องแสดงรายงานผลโควิด-19 เป็นลบ ที่ตรวจภายใน 72 ชั่วโมง ของเที่ยวบินแรก ส่วนผู้โดยสารจากประเทศที่มีโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ จะต้องอยู่ในโรงแรมกักตัวเพิ่มอีก 10 วัน หากผลโควิด-19 ออกมาเป็นลบ หลังผ่านไป 5 แล้ว จะได้รับอนุญาตไปกักตัวที่บ้านพักใน 5 วันที่เหลือ