‘วิโรจน์’ จี้ ‘อนุทิน’ ตอบคำถามหมอรพ.ดัง ทำไมไทยมีแต่วัคซีนแก้เขิน ไม่แก้โควิด

วันที่ 11 เมษายน 2564 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. และโฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถามถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงกรณีที่นายอนุทินประกาศในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าวัคซีนซิโนแวคจากประเทศจีนล็อตล่าสุด 1 ล้านโดส เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ววันนี้ และจะเร่งแจกจ่ายให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด

โดยนายวิโรจน์กล่าวว่า นายอนุทินรู้อยู่แก่ใจว่าการระบาดระลอกที่สามที่ไทยเผชิญอยู่นี้ เป็นการระบาดของเชื้อสายพันธุ์ บี 117 ซึ่งมีผลการวิจัยออกมาแล้วว่าวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ บี 117 เพียง 50% ซึ่งถือว่าต่ำมาก แต่ก็ยังจะฉีดวัคซีนเหล่านี้ให้กับประชาชน ทั้งที่ภารกิจที่รัฐบาลควรทำอย่างเร่งด่วนคือการแสวงหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพกว่านี้มาให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด

“สิ่งที่คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ก็คือ การระบาดในครั้งนี้ ที่เกิดขึ้นจาก “คลัสเตอร์ทองหล่อ” นั้นเป็นการระบาดของเชื้อสายพันธุ์อังกฤษ (B117) สิ่งที่คุณอนุทินต้องหาข้อมูล และตอบประชาชนให้ได้เสียก่อน ก็คือ วัคซีน Sinovac นั้นมีประสิทธิภาพกับเชื้อสายพันธุ์อังกฤษ มากน้อยขนาดไหน ไม่ใช่ได้มาแล้วก็ตะบี้ตะบันฉีด ไม่สนอีร้าค่าอีรม จะได้ประเมินประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนได้ถูก”

นายวิโรจน์ยังอ้างถึงความคิดเห็นของพญ.ขวัญปีใหม่ พะนอจันทร์ แพทย์โรงพยาบาลชื่อดังย่านทองหล่อ ซึ่งกำลังรับมือกับผู้ป่วยโควิดจำนวนมากจากการระบาดรอบล่าสุด ที่โพสต์ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊ก “เรียนรู้ สู้กับโควิด” ถึงประเด็นวัคซีนซิโนแวค โดยพญ.ขวัญปีใหม่ แนะนำว่าแม้การฉีดวัคซีนซิโนแวคจะดีกว่าการไม่มีวัคซีนเลย แต่ในฐานะแพทย์ อยากเห็นรัฐบาลเร่งนำเข้าวัคซีนประเภท mRNA เช่นของโมเดอร์นากับไฟเซอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ บี 117 เพราะมีตัวอย่างของหลายประเทศที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว แต่ก็ยังเจอการระบาดซ้ำจากเชื้อกลายพันธุ์ โดยเฉพาะชิลี ถึงแม้จะฉีดวัคซีนครอบคลุม 37% ของประชากร มากเป็นอันดับสองของโลกรองจากอิสราเอล โดย 93% ของวัคซีนที่ฉีดเป็นซิโนแวค แต่ก็ยังไม่พบว่าการระบาดลดลงเลย ในทางตรงข้ามกลับพบผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเรื่อยๆ

“ข้อสังเกตของคุณหมอขวัญปีใหม่ เป็นประเด็นที่สำคัญกับชีวิต และปากท้องของพี่น้องประชาชนอย่างมาก ซึ่งคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ต้องใส่ใจ และต้องหาคำตอบให้พี่น้องประชาชนอย่างเร็วที่สุด ว่าเป็นวัคซีนที่ประชาชนจะฝากความหวังเอาไว้ได้มากขนาดไหน จะแก้ปัญหาได้จริงไหม หรือเป็นแค่วัคซีนแก้เขิน แก้ขัด หรือเป็น “วัคซีนคนละครึ่ง” ที่ฉีดไปแล้วครึ่งหนึ่งได้ผล อีกครึ่งหนึ่งไม่ได้ผล ตามที่ผมได้เคยเปรียบเปรยเอาไว้ เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อครั้งที่ผ่านมา

เรื่องนี้คุณอนุทิน ต้องรีบตอบประชาชน ด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เงียบ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญต่อชีวิต และปากท้องของประชาชน 67 ล้านคน ถ้าฉีด Sinovac ไปแล้ว ใช่ครับ ฉีดดีกว่าไม่ฉีด แต่ถ้าฉีดแล้วประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำ กว่าจะรอ AstraZeneca ก็ต้องรอจนถึงมิถุนายน ถ้ามีข้อบ่งชี้บางประการว่าควรหลีกเลี่ยง ก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะมีวัคซีนชนิด mRNA อยู่ยี่ห้อเดียว แล้วจะทำอย่างไร แผนการที่จะเปิดการท่องเที่ยว เฟส 1 วันที่ 1 เม.ย. เฟส 2 วันที่ 1 ก.ค. พังพาบป่นปี้ไปแล้ว อย่าให้เศรษฐกิจ ปากท้อง และความหวังของประชาชน พังทลายไปมากกว่านี้เลยครับ”

นายวิโรจน์ยังทิ้งท้ายด้วยว่า ทุกๆ ปัญหาที่ตนได้เตือนเอาไว้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการไม่กระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน ทยอยเกิดขึ้นจริงๆ ประชาชน 67 ล้านคน ที่เดือดร้อนตกทุกข์ได้ยาก ถามจริงๆ ว่าคุณอนุทิน จะไปกราบอกขอโทษเขาทุกคนไหวหรือ ยอมรับเถอะว่ารัฐบาลนี้ บริหารจัดการวัคซีนได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป ไม่ใช่เอาแต่จะเถียงเพื่อเอาตัวรอด เอาแต่จะแถเพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบ แล้วปล่อยให้ประชาชนรับกับวิบากของมันตามลำพังแบบนี้ ตราบใดที่ไม่ยอมรับ การแก้ไขก็ไม่มีวันเกิด ยอมรับ แล้วกลับเนื้อกลับตัวในตอนนี้ยังทัน ยอมรับแล้วแก้ไข ยังพอไหว ชีวิต และปากท้องของประชาชนสำคัญกว่าหน้าตาของนายอนุทินเยอะ

https://www.facebook.com/wirojlak/posts/277252243926750