“จาตุรนต์” แนะรัฐบาลประยุทธ์ ยอมรับจัดการวัคซีนผิดพลาด จี้ปรับนโยบายใหม่-หยุดผูกขาด

วันที่ 10 เมษายน 2564 นายจตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นไปอย่างล่าช้าไม่ทั่วถึงและไม่ลำดับความสำคัญในกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับวัคซีน ท่ามกลางการระบาดระลอกที่ 3 ที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วจากการระบาดที่พบเป็นสายพันธุ์อังกฤษว่า

นายกฯกับพวกควรจะยอมรับได้แล้วว่านโยบายการจัดหาและใช้วัคซีนของรัฐบาลเป็นนโยบายที่ผิดอย่างร้ายแรงมาตลอดคือ 1.ผูกขาดอยู่เพียงสองยี่ห้อและกีดกันไม่ให้มีการใช้ยี่ห้ออื่นๆ 2.ไม่ยอมให้เอกชนดำเนินการ 3.ครอบคลุมน้อยคือถึงปลายปีก็ยังแค่ 50 % ของประชากรและล่าช้ามาก และเดือนมิถุนายนจึงจะเริ่มผลิต 4.ไม่เข้าร่วม COVAX ที่จะช่วยดูแลเรื่องความเท่าเทียม 5.บั่นทอนความเชื่อมั่นในการใช้วัคซีนด้วยการแสดงออกของผู้นำทั้งหลาย

รัฐบาลควรจะยอมรับว่าผิด แล้วเปลี่ยนนโยบายเสีย นายกฯสั่งให้หาทางให้เอกชนนำเข้าวัคซีนและสั่งให้เพิ่ม 10 ล้านโดส ก็เท่ากับบอกว่านโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขยืนกระต่ายขาเดียวมาตลอดเป็นนโยบายที่ผิด แต่นายกฯก็กลับยืนยันว่าไม่ได้ฉีดวัคซีนให้คนไทยล่าช้าและยืนยันทำตามแผน-มีมาตรฐาน

แค่นี้ก็จบแล้ว ย้อนแย้งกันเองจนหาหลักอะไรไม่ได้

จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ถ้าไม่ยอมรับความผิดพลาด ประเทศอื่นเขาไปถึงไหนกันแล้ว ไทยยังฉีดไปได้ไม่กี่คน ก็เพราะทำตามแผนที่ผิดนั่นแหละ

วันนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด19 เพิ่มขึ้น 789 คน จากเมื่อวานนี้ 559 คน เพิ่มสูงขึ้นถึง 41 % น่าเป็นห่วงมาก ในกรุงเทพไม่มีโรงพยาบาลรับคนไข้โควิดเพิ่มแล้ว โรงพยาบาลสนามก็เพิ่งสร้างไปแค่ 3,500 เตียง วัคซีนก็ไม่มีให้ฉีด แล้วจะยังไงต่อครับ

สิ่งที่ควรทำมาตั้งแต่จบรอบแรกคือการยกระดับความสามารถในการตรวจ การสืบค้นหาผู้ติดเชื้อ การกักตัวผู้เสี่ยง การเพิ่มเตียง ห้อง เครื่องช่วยหายใจ และเตรียมบุคลากร ฯลฯ แต่ไม่ได้ทำไว้ ทั้งๆที่มีงบประมาณพร้อมก็ไม่ใช้ ถึงวันนี้ต้องเร่งทำทั้งหมดนี้แล้ว และต้องคิดใหญ่ ทำเพิ่มเป็น 5-10 เท่าของที่รัฐบาลคิดอยู่ มิฉะนั้นประเทศไทยอาจถึงขั้นที่หมอจะต้องเลือกว่าจะช่วยชีวิตใคร ติดเชื้อไม่มีอาการก็อยู่บ้าน กินพาราเซตามอลกันไป ความเสียหายจะมากกว่าที่จำเป็นไปมากเพราะการบริหารที่ล้มเหลว

หวังว่ารัฐบาลรู้จักรับฟังความเห็นที่แตกต่างและศึกษาจากประเทศต่างๆมากขึ้นและขอเอาใจช่วยบุคลากรผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทุกท่านครับ