สหรัฐอเมริกาประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มกับบริษัทอัญมณีของเมียนมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงเหมืองแร่เมียนมา ที่ถือเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้สำคัญของประเทศเมียนมา

ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว ชาวอเมริกันถูกห้ามไม่ให้ทำธุรกิจกับบริษัทแห่งนี้ซึ่งทำหน้าที่อนุญาตและอนุมัติใบรับรองในการทำเหมืองอัญมณีในเมียนมา รวมถึงทำหน้าที่เก็บรายได้จากการขายอัญมณีและหยก

กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่าการออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อจำกัดความสามารถในการหารายได้ของกองทัพเมียนมา ทั้งนี้เมียนมาถือเป็นแหล่งที่มาหลักของหยกที่จำหน่ายกันทั่วโลก และยังเป็นแหล่งของทับทิมรวมถึงอัญมณีหายากอื่นๆ

นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐระบุว่า สหรัฐจะยังคงเพิ่มแรงกดดันต่อช่องทางการหารายได้ของกองทัพเมียนมาต่อไปจนกว่าจะมีการยุติการใช้ความรุนแรงกับประชาชน ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมอย่างไม่ชอบธรรมทั้งหมด ยกเลิกกฎอัยการศึกรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ ยุติการควบคุมการสื่อสารโทรคมนาคม และฟื้นคืนประชาธิปไตยให้กลับสู่เมียนมา

ด้านสื่อท้องถิ่นเมียนมารายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คนวานนี้ระหว่างเกิดเหตุปะทะกันของกองกำลังฝ่ายความมั่นคงกับกลุ่มผู้ประท้วงที่เมืองตั่นเซในสะกาย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมา โดยเหตุที่เกิดขึ้นยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 20 คน

ล่าสุดสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอในเมียนมาระบุว่า จำนวนผู้ประท้วงที่เสียชีวิตนับตั้งแต่กองทัพเมียนมายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์จนถึงขณะนี้มากกว่า 600 รายแล้ว