ส.ส.เสรีรวมไทย ย้ำ พรก.ฉุกเฉิน เอาไว้จัดการม็อบเด็ก แต่ละเว้นรมต.-นักการเมืองเที่ยวมั่วสุม

วันที่ 8 เมษายน 2564 น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจากพรรคเสรีรวมไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีคลัสเตอร์โควิดในสถานบันเทิงชื่อดังย่านทองหล่อและการบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉินที่มีแนวโน้มเลือกปฏิบัติระหว่างผู้เห็นต่างทางการเมืองกับนักการเมืองและคนดังว่า
ขอถาม “พล.อ.ประยุทธ์”ทำไม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาผิดได้เฉพาะกับม็อบเด็ก แต่เอาผิดรัฐมนตรีหรือนักการเมืองที่ไปมั่วสุมในสถานบันเทิงฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้
การชุมนุมทางการเมืองของนักศึกษาเยาวชนคนรุ่นใหม่ว่าไม่ได้เป็นสาเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด แต่กลับถูกนำไปตั้งข้อหาเอาผิดทุกครั้งที่มีการชุมนุม ล่าสุดมีการแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินกับนายจตุพร พรหมพันธุ์กับพวกที่ชุมนุมด้วยความสงบขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่กับรัฐมนตรี ส.ส.รัฐบาลหรือบรรดา VIP ที่มีข่าวว่าไปเที่ยวสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา ฝ่าฝืนทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.โรคติดต่อ กลับไม่เห็นผู้นำประเทศจะสั่งการให้มีการตรวจสอบหรือเอาผิดแต่อย่างใด
เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีไว้เป็นเครื่องมือจัดการกับผู้ชุมนุมที่เห็นต่างกับรัฐบาลเท่านั้น โดยเฉพาะกับการชุมนุมของเด็กๆ ที่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไล่ล่าเอาผิดแบบเอาเป็นเอาตาย ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีข่าวว่าม็อบเด็กเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาด แต่ถ้าเป็นฝ่ายเดียวกัน แม้จะมีพฤติกรรมเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาด พล.อ.ประยุทธ์ก็จะทำเป็นเฉยๆ ทำทีเป็นพูดบ่ายเบี่ยงว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดหรือทำเป็นใส่อารมณ์ชี้นิ้วโทษชาวบ้านเพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่เกิดจากพวกเดียวกัน นี่แหละคือระบอบประยุทธ์ที่มักจะปล่อยให้ฝ่ายเดียวกันอยู่เหนือกฎหมาย แต่ถ้าเป็นฝ่ายตรงกันข้ามก็จะบังคับใช้กฎหมายแบบเอาจริงเอาจัง โดยไม่มีอนุโลม
ตอนนี้สังคมกำลังข้องใจกับการเปิดไทม์ไลน์ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมว่าติดเชื้อโควิดจากสถานที่ใดกันแน่ เพราะเจ้าตัวอ้างว่าติดมาจากหน้าห้องในกระทรวงคมนาคม แต่จากหลักฐานที่มีการเปิดเผยในสื่อโซเชี่ยลหรือบุคคลในแวดวงคนกลางคืนกลับพบว่านายศักดิ์สยามอาจติดมาจากสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง
หากเป็นเช่นนั้นจริง นายศักดิ์สยามก็อาจเข้าข่ายปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จกับพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดที่ พล.อ.ประยุทธ์มักนำมาใช้จัดการกับม็อบเด็กทุกครั้งที่มีการชุมนุม แต่กับรัฐมนตรีใน ครม.ตัวเอง พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่คิดจะสั่งการให้มีการตรวจสอบอะไรเลย ทั้งที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
พล.อ.ประยุทธ์อาจจะคุ้นชินกับการมีรัฐมนตรีสีเทาอยู่ร่วม ครม.เพราะขนาดบางคนถูกแฉว่าเคยติดคุกด้วยข้อหาค้ายาเสพติดในต่างประเทศ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ปกป้องเชิดชูให้อยู่ใน ครม.โดยไม่รู้สึกเคาะเขินหรือกระดากใจ ทั้งที่การค้ายาเสพติดเป็นความผิดโคตรร้ายแรง ไม่ว่าจะติดคุกที่ประเทศไหนก็ย่อมต้องมีความผิดไม่มีคุณสมบัติแม้จะเป็นแค่ อบต.อย่าว่าแต่รัฐมนตรีเลย
แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับลอยหน้าลอยตาเทศนาสั่งสอนประชาชนเหมือนเป็นพลทหาร แต่กับรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลต่อให้สังคมยี้แค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ก็จะรักใคร่เกรงใจเพราะคนเหล่านี้คือผู้ที่มีส่วนจะทำให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจไปนานๆ นี่แหละระบอบประยุทธ์