คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ โต้ พศ. อ้างสารพัดกฎจับสึกพระร่วมม็อบ แต่ไม่อ้างอิงพระธรรมวินัย

คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ โต้สำนักพุทธฯ อ้าง กม.เหตุจะจับพระร่วมม็อบสึก แต่ไม่อ้างพะธรรมวินัย

วานนี้ (5 เมษายน) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีพ้นจากพระภิกษุโดยไม่เปล่งวาจา เนื่องจากเหตุการณ์พระสงฆ์ 2 รูป เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง

ปัจจุบัน ข่าวคราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์ ยังปรากฏอยู่ให้ชาวพุทธต้องถกเถียงกันอยู่เนืองๆ การพ้นจากความเป็นพระภิกษุจะต้องเปล่งวาจาตลอดไปหรือไม่

ตามที่ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์หรือสื่อช่องทางอื่นๆ ปรากฎมีพระภิกษุ 2 รูป ร่วมชุมนุมทางการเมืองแล้วถูกเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ให้สละสมณเพศเสีย เวลาผ่านไป 1 วัน มีข่าวสังคมออนไลน์พระที่ถูกจับสีก กลับมาห่มจีวรอีกครั้ง โดยอ้างว่าไม่ได้เปล่งวาจายังคงเป็นสงฆ์อยู่

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่าประเด็นดังกล่าว หากไม่นำเสนอความจริงต่อสังคม อาจทำให้เป็นกระแสกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาได้ จึงขอยกเอาแนวทางและหลักการ กรณีพระภิกษุพ้นจากความเป็นสงฆ์ โดยไม่ได้เปล่งวาจา มาบอกกล่าวในข้อเท็จจริง ดังนี้

พระภิกษุรูปนั้น พ้นจากความเป็นสงฆ์ตามกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 21 (พ.ศ.2538) ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ในกรณีพระภิกษุรูปใดไม่สังกัดอยู่ ในวัดใดวัดหนึ่งหรือไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ให้พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองวัดหรือ พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองสงฆ์ในเขตท้องที่ที่พบพระภิกษุรูปนั้น มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้

ตามที่กล่าวข้างต้น ปรากฏมีพระภิกษุมาร่วมชุมนุมทางการเมือง 2 รูป ถูกเจ้าคณะผู้ปกครองให้สละสมณเพศ ประกอบด้วย

1.พระประนมกร พุทฺธิเชฏโฐ สังกัดวัดเลียบ จังหวัดสุรินทร์ หรือนายประนมกร ปราณีต
และ 2.พระวิรัช กิตติญโณ สังกัดวัดราษฎร์รังสรค์ จังหวัดกระบี่ หรือนายวิรัช แช่คู

พ้นจากความเป็นพระภิกษุเหตุไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 (พ.ศ.2538) ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ และได้บันทึกสารภาพยอมรับผิด สมัครใจที่จะลาสิกขา โดยมีพยานประกอบด้วยเจ้าคณะแขวงดุสิต เจ้าคณะแขวงถนนนครไชยศรี พระวินยาธิการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และได้บันทึกไว้ในหนังสือสุทธิว่า “ได้ลาสิกขาโดยสมัครใจ เพราะต้นสังกัดเดิมไม่รับรอง”

ดังนั้น การที่นายประนมกร ปราณีต และนายวิรัช แซ่คู เอาผ้าเหลืองมาห่มแล้วอ้างว่ายังเป็นสงฆ์อยู่ เพราะไม่เปล่งวาจาสึก ถือว่าเป็นการแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 4 ความผิดเกี่ยวกับศาสนา มาตรา 208 มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ทำไมถึงไม่อ้างพระธรรมวินัย พระสงฆ์จะครองจีวร​ต้องได้รับอนุญาตจากมหาเถรสมาคมงั้นหรือ พระไม่มีสังกัดวัด​ต้องเดือดร้อนมหาเถรสมาคมถึงขั้นไปจับสึกเลยหรือ ศาสดาของพุทธศาสนา​ชื่อ​พระสมณโคดม​ หรือ​ชื่อ​มหาเถรสมาคม​และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกันแน่