ศาลนัดฟัง 9 เม.ย. ให้ประกันตัว “ไผ่-แบงค์-สมยศ” หรือไม่ หลังแถลงย้ำไม่พาดพิงสถาบันอีก

ศาลนัดฟังคำสั่ง 9 เม.ย. ให้ประกันตัว “ไผ่-แบงค์-สมยศ” หรือไม่ หลังแถลงย้ำไม่พาดพิงสถาบันอีก อัยการไม่คัดค้านประกันตัว ส่วนที่เหลือยังไม่ยื่นประกัน

เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวในช่วงเช้าวันนี้นั้น

ล่าสุด นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า ได้มีการยื่นคำร้องขอประกันตัวนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เพียง 3 คน ซึ่งศาลได้ทำการไต่สวนแล้ว จึงนัดฟังคำสั่งประกันในวันที่ 9 เม.ย. นี้ เวลา 11.00 น. ส่วนคนอื่นยังไม่ยื่นประกันตัว โดยไม่ระบุเหตุผล

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับรายงานกระบวนพิจารณา มีเนื้อหาช่วงไต่สวนสรุปได้ว่า นายปติวัฒน์ หรือหมอลำแบงค์ จำเลยที่ 3 แถลงว่า “หากข้าพเจ้าได้รับการปล่อยชั่วคราว ข้าพเจ้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทุกที่ จะไม่มีการกล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามอาชีพหาเลี้ยงตน และจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้สถาบันเสื่อมเสียโดยเด็ดขาด โดยยินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวทุกประการ”

ขณะที่ นายจตุภัทร์ หรือไผ่ จำเลยที่ 7 กับ นายสมยศ จำเลยที่ 4 แถลงทำนองเดียวกันว่า” หากข้าพเจ้าได้รับการปล่อยชั่วคราว ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้เสื่อมเสียสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยยินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวทุกประการ”

นางพริ้ม บุญภัทรรักษา มารดาของนายจตุภัทร์ จำเลยที่ 7 แถลงว่า “หากมีการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 7 ข้าพเจ้าจะรับรองกำกับดูแลจำเลยที่ 7 ให้ปฏิบัติตามสัญญาที่แถลงไว้ต่อศาล”

น.ส.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์ภาคสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แถลงว่า “ข้าพเจ้าจะรับรองกำกับดูแลจำเลยที่ 3 และ 4 ให้ปฏิบัติตามสัญญาที่แถลงไว้ต่อศาล หากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว”

พนักงานอัยการโจทก์แถลงว่า “เนื่องจากมีข้อเท็จจริงเกิดขึ้นใหม่ จำเลยที่ 3, 4, 7 มีผู้รับรองคอยดูแลให้ปฏิบัติตามสัญญาที่แถลงไว้ต่อศาล พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว ขอให้เป็นดุลยพินิจของศาล”