‘ณัฐวุฒิ’ ขอหยั่งเชิง ร่วมเวทีไล่ประยุทธ์ แนะสร้างจุดร่วม ร้องปล่อยตัวคนหนุ่มสาว พ้นการถูกจองจำ

“ณัฐวุฒิ” กั๊กร่วมม็อบ “จตุพร-เยาวชน” หรือไม่ เสนอสร้างจุดร่วมเรียกร้องอิสรภาพ คนที่ถูกขัง ไม่ห่วงเรื่องตำแหน่ง ชมหนุ่มสาวไม่มีตำแหน่ง แต่มีพลังในตัวเอง

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางมาตามที่ศาลนัดพร้อมคู่ความคดี นปช. ชุมนุมเมื่อปี 2552 ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยภายหลังเข้าร่วมการพิจารณาแล้ว นายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า วันนี้นัดพร้อมฝ่ายโจทก์-จำเลย ซึ่งมีการสืบพยานกันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่นัดหมายเดิมถูกยกเลิก เนื่องจากสถานการณ์ไวรัส โควิด-19 ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความเพื่อกำหนดวันนัดหมายใหม่ จำเลยหลายท่านได้ขอศาลพิจารณาลับหลัง จึงไม่ต้องมาศาล แต่ตนมาทุกนัด เพราะก่อนหน้านี้ถูกคุมขังในเรือนจำต้องเบิกตัวมา จึงไม่ได้ทำเรื่องขอพิจารณาลับหลังไว้

ผู้สื่อข่าวถามความเห็นต่อการชุมนุมของกลุ่มสามัคคีประชาชนเมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) ที่มี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมนำ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเคารพทุกการเคลื่อนไหวการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เวทีเมื่อคืนนี้ประกาศเป้าหมายขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้พ้นจากอำนาจ เป็นเรื่องที่ผู้รักประชาธิปไตยเรียกร้องมาตลอดอยู่แล้ว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะพ้นจากอำนาจก็เป็นคุณูปการต่อประเทศชาติและประชาชน และถ้ามีการชุมนุมต่อเนื่องก็ต้องติดตามกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น คือการรวมตัวกันของแกนนำทุกฝ่าย ผู้รักประชาธิปไตยที่มาแสดงตัว น่าจะเป็นการรวมตัวกันภายใต้เป้าหมายเฉพาะหน้าทางการเมือง คือ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เห็นรูปธรรมของการรวมตัวกันเชิงอุดมการณ์ ทั้งในระดับแกนนำ ผู้ปราศรัย ประชาชนผู้ชุมนุม คงจะไปคาดหวังรวบรัดเอาเร็วคงลำบาก เพราะเพิ่งเริ่มกันวันแรก ยังมีนัดหมายวันต่อไป

ต้องดูพัฒนาการตรงนี้ว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการหลอมรวมทางอุดมการณ์ได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ตนมองได้ 2 แบบ อาจจะเติบโตขยายตัวเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป้าหมายสอดคล้องกับความต้องการของผู้คน หรืออาจจะมีความแตกต่างกันทางอุดมการณ์ เนื้อหาสาระ จนทำให้ความเคลื่อนไหวก้าวเดินได้ไม่เร็วนัก

ถามว่าต้องใช้เวลาดูแค่ไหน ในการตัดสินใจเข้าร่วมหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ตัดสินใจไปถึงตรงนั้น สถานการณ์การเมืองวันนี้มีความแหลมคม ซับซ้อน เมื่อปรากฏความเคลื่อนไหวตนต้องติดตามใกล้ชิดอยู่แล้ว คงจะดูสถานการณ์ด้านอื่นรวมกันไปด้วย เวทีนี้ปรากฏขึ้นใหม่ ในขณะเดียวกันการต่อสู้ของกลุ่มเดิมคือนิสิต นักศึกษา เยาวชน มวลชนที่ขับเคลื่อนก็ยังทำหน้าที่อยู่ นัดหมายชุมนุมเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

สองส่วนนี้ถึงที่สุดจะมีพัฒนาการอย่างไร แม้เวทีเมื่อคืนมีเป้าหมายชัดขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ตนไม่ขัดข้องอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าจะเป็นจุดร่วมกันได้ คือการเรียกร้องอิสรภาพให้กับเยาวชนคนหนุ่มสาวที่ถูกจองจำอยู่เวลานี้ และจะถูกจองจำในอนาคตอันใกล้ จากคดีความที่แต่ละคนแบกรับกันหลายสิบคดี น่าจะถูกขับเน้นให้ชัดในทุกเวทีที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง

เมื่อถามถึงโอกาสที่นายณัฐวุฒิจะไปเคลื่อนไหวร่วมกับเยาวชน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังคงติดตามสถานการณ์อยู่ ตนเพิ่งออกมาได้ไม่กี่วัน ช่วงเวลาที่เราต่อสู้อย่างเข้มข้นผ่านมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ดังนั้นแต่ละก้าวเดินต้องรอบคอบ รัดกุม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพัฒนาการของประชาธิปไตยในประเทศไทย จุดยืนตนยืนยันชัดไปแล้ว ส่วนที่จะก้าวเดินก็ให้เวลา สถานการณ์เป็นตัวกำหนด

ถามต่อถึงกรณีนายจตุพรจะยกตำแหน่งประธาน นปช.ให้ หากร่วมกับเยาวชน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นท่าทีของนายจตุพร ตนก็รับทราบ แต่การเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือการแสดงจุดยืนทางการเมืองของตน คงไม่เกี่ยวกับตำแหน่งแห่งที่ในองค์กรไหน ไม่สัมพันธ์กับการมีหรือไม่มีตำแหน่งใดๆ ในการต่อสู้ทางการเมืองไม่ได้อยู่ที่ใครมีตำแหน่งไหนแล้วจะขับเคลื่อนได้มากได้น้อย มันอยู่ที่เราจะเดินไปทิศทางใด แล้วประชาชนจะให้ความเชื่อมั่นอย่างไร ต้องพิสูจน์ทราบโดยการกระทำ กาลเวลา มีสถานการณ์ให้พิสูจน์ตัวตนได้ตลอดทางจนกว่าจะแตกดับหรือยุติการต่อสู้

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ยกตัวอย่างครั้งหนึ่งที่เมียนมาก็ยกอองซานซูจีเป็นจิตวิญญาณการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เมื่อชนะเลือกตั้งก็ถูกตั้งคำถามอย่างหนักเรื่องสิทธิมนุษยชน จนกระทั่งถูกยกเลิกรางวัลสำคัญระดับโลก วันหนึ่งมีการรัฐประหาร อองซานซูจีก็กลับมาเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกครั้ง ระบอบประชาธิปไตยงดงามตรงนี้ ทุกคนทุกฝ่ายเดินหน้าไปในฐานะประชาชน คนที่มีหลักการเดียวกัน ทำได้หมด เยาวชนคนหนุ่มสาวนำพาการต่อสู้มาขนาดนี้ ไม่มีใครมีตำแหน่งอะไรก็ยังมีพลังในตัวเอง

เมื่อถามถึงวันครบรอบเหตุการณ์สลายชุมนุม นปช. เมื่อวันที่ 10 เม.ย. และ 19 พ.ค. 2553 ในปีนี้จะมีกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราทำมาทุกปี มากน้อยในรูปแบบไหนอย่างไร เราก็ทำมา ปีนี้กำลังหารือกำหนดรูปแบบอยู่ เราไม่สามารถลืมเหตุการณ์นี้ได้ ต้องการให้คนทั้งประเทศและทั่วโลกได้รับทราบ จดจำพูดถึงเหตุการณ์นี้ คนที่บาดเจ็บล้มตายจากเหตุการณ์ยังไม่ได้รับความยุติธรรม คดียังไม่ถึงศาล รายละเอียดถ้ามีความชัดเจนคงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ทั้งนี้ ภายหลังนายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์เสร็จ ปรากฏว่านางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และนางยุพิน จาดนอก มารดาของนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ สองแกนนำกลุ่มราษฎร ที่เดินทางมายื่นประกันตัวบุตรชาย ได้เดินลงมาบริเวณบันไดหน้าศาลพอดี นายณัฐวุฒิจึงเข้าไปสวมกอดทักทายให้กำลังใจมารดาของแกนนำทั้งสอง โดยขอให้สู้ๆ และหวังว่าบุตรชายจะได้ออกจากเรือนจำโดยเร็ว