“ไทยไม่ทน” : มาถึงจุดนี้แล้ว! นปช.- กปปส. ร่วมขึ้นเวทีไล่ “ประยุทธ์”

วันที่ 4 เม.ย. 2564 เมื่อเวลา 16.30 น. มติชนออนไลน์รายงานว่า ที่สวนสันติพร หัวมุมถนนราชดำเนิน ที่ตั้งของอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม บรรยากาศงาน ‘ไทยไม่ทัน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย’ มีการผลัดขึ้นปราศรัยอย่างต่อเนื่อง

นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกนปช. ขึ้นเวทีกล่าวว่า รัฐบาลแอบอ้างโควิดเพื่อเอาตัวรอด เราไม่กลัวโควิด แต่กลัวประยุทธ์อยู่ต่อ ไม่ว่าอายุมากหรือน้อย ถ้าเผด็จการยังอยู่ ก็จะออกมาไล่ ตนขอสดุดีวีรชนที่เคยต่อสู้มา ตนเคยติดตาม นายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยเป็นโฆษกบนเวที ต่อสู้ในยุคพฤษภา 35 มีคนบาดเจ็บล้มตาย สุดท้ายนายจตุพร พาประชาชนไปยังมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้รับชัยชนะพอสมควร ชัยชนะที่ได้มาต้องยกให้นักต่อสู้ปี 35 และวันนี้ ก็ขอยืนยันว่าเราจะมาต่อสู้กันอีกครั้ง

ต่อมา นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ และแนวร่วมกปปส. ขึ้นเวทีกล่าวว่า ขอสวัสดีผู้เสียสละ ผู้ที่พยายามให้ประเทศมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี นี่คือก้าวแรกของการไล่ประยุทธ์ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เวลานี้ ความสามัคคีสำคัญมาก การนำประชาธิปไตยกลับมา อย่างแรกที่ต้องทำคือไล่ประยุทธ์ออกไปให้เร็วที่สุด

“ต้องนำพลังประชาชนทุกภาคส่วน ทุกคนที่มุ่งมั่นอยากให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงต้องมาร่วมกัน ถ้าปล่อยไป อีก 2 ปี สว.ก็เลือกประยุทธ์เหมือนเดิม ชาติเสียหายต่อไป แล้วจะเก็บประยุทธ์ไว้ทำไม วันนี้คนมาหลายภาคส่วน การต่อสู้ครั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจ เราทุกคนต้องละทิ้งตัวตนในอดีต ไม่มีใครเปลี่ยนอดีตได้ แต่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้” นายไทกร กล่าว

“ประยุทธ์” คือ “ภัยคุกคาม”

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 16.00 น. นายจตุพร ซึ่งเป็นประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางมาถึงบริเวณจัดงานและได้กล่าวก่อนขึ้นเวทีปราศรัยตอนหนึ่งว่า การปราศรัยทั้งหมดจะเริ่มในเวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งวันนี้เป็นวันอัศจรรย์ที่เรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน ฝนตกอย่างถล่มทลายเพื่อล้างความชั่วของแผ่นดินให้สะอาด ฝนตกตั้งแต่เที่ยงหลายคนคิดว่าเวทีวันนี้จะมีปัญหา

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ซึ่งตนบอกฝนจะหยุดตกก่อนจะมีเวทีปราศรัย เมื่อฝนล้างแผ่นดินเสร็จเราก็จะได้เวลานับหนึ่งของประเทศไทยตามเลิก 4-4-4 ประยุทธ์ออกไป โดยเป้าหมายหลักของเราอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และในวันนี้ตนจะปราศรัยเป็นคนสุดท้าย

นายจตุพร กล่าวอีกว่า การจัดเวทีวันนี้เรามาตามคำเชิญของ นายอดุล เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา35 ซึ่งมีความห่วงใยที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่รับผิดชอบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งงานในวันนี้ยังไม่ถึงขั้นการชุมนุม แต่เป็นเวทีที่จะอธิบายการเข้ามาของพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงเวลา 7 ปี ได้ตระบัดสัตย์ในเรื่องไหนบ้าง จึงไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

นายจตุพร กล่าวว่า และพรรคร่วมรัฐบาลใดที่เคยประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ทั้งนี้ การร่วมสามัคคีประชาชนเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 และในช่วง 15 ปีนี้ มีแต่ความขัดแย้งอย่างหนัก และคนที่ได้รับประโยชน์ชัดเจนหนึ่งในนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์

“วันนี้ผมมาร่วมเวทีในนามส่วนตัวเกี่ยวข้องกับนปช. และจะไม่นำองค์กรเข้ามา เพราะหากเราไม่เสียสละ ไม่ร่วมมือกัน พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ต่ออีก 6 ปี ประวัติศาสตร์ของคนเสื้อแดง และเสื้อเหลืองจะยังคงอยู่ต่อไป แต่เมื่อภัยเฉพาะหน้าซึ่งเป็นผลมาจากการสืบทอดอำนาจ ไม่ทำตามคำมั่นสัญญา ดังนั้นทุกฝ่ายต้องเสียสละ และต้องรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นศูนย์ของปัญหาและภัยคุกคามของชาติ วันนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น หากสังคมไทยเข้าใจว่าพล.อ.ประยุทธ์คือภัยคุกคาม ทุกฝ่ายต้องเสียสละเพื่อจัดการกับพล.อ.ประยุทธ์ แม้แต่ละฝ่ายจะทำด้วยความยากลำบาก เพราะหลายคนเคยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์” นายจตุพร กล่าว

จากนั้น นายอดุล เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้ขึ้นเวทีกว่าตอนหนึ่งว่า วันนี้ตนมาเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง และในปีนี้เป็นปีที่ 29 ในเดือนพฤษภาทมิฬ ในอีก 2 เดือนข้างหน้า สิ่งที่ตนลำบากใจ และอยากจะบอกว่าในที่ที่เรามาชุมนุมในวันนี้เป็นที่ที่วีรชนอยู่ และลูกชายตนก็อยู่ในที่นี้ด้วย ตนไม่คิดเลยว่าวันนี้จะต้องมาไล่รัฐบาล และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ตอนนี้ถูกรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำยีจนกระทั้งถอยหลังเข้าคลอง ตนรับไม่ได้เลยเมื่อมีคำพูดถ้าท้ายประชาชน ออกมาจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “ไปแก้มาให้ได้ก็แล้วกัน” เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกล้ามาพูดกับประชาชนแบบนี้

นายอดุล กล่าวอีกว่า ตนได้ตรวจสอบรัฐบาลนี้มา 4 ปี ในนามสภาที่สาม พบว่ามีการทุจริตโกงกินและไม่มีการดำเนินการ ตนบอกได้เลยว่ารัฐบาลนี้โกงกินมากที่สุดในทุกรัฐบาลที่มีมา ทุกวันนี้ประชาชนลำบาก รัฐบาลไม่เคยพูดความจริงกับประชาชนเลย วันนี้พูดอย่าง วันพรุ่งนี้พูดอีกอย่าง

“ผมไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนเหมือนรัฐบาลนี้เลย เมื่อปีที่แล้วในการจัดงานพฤษภาทมิฬ ผมได้เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะให้ก้าวลงจากตำแหน่ง และแล้วเขาก็ไม่ฟังผมคิดว่าคนที่เห็นด้วยกับผม ให้ช่วยกันออกมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ลงจากอำนาจเสียเถอะนั้นคือสันติวิธี ที่จะไม่ให้เกิดการนองเลือดชึ้น แต่ถ้าทำแบบนี้อยู่เรื่อยๆประชาชนทนไม่ได้ก็จะเกิดการนองเลือดขึ้นแน่” นายอดุล กล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายยุทธเลิศ สิปปภาค หรือต้อม ยุทธเลิศ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรม”ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ที่สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม โดยไปนั่งหลังเวทีพูดคุย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อร่วมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ และ ระบอบเผด็จการ 3 ป.