ด่วน! ศาลรธน.วินิจฉัยมติ ศาลปค.สูงสุด ตัดสิน “ค่าโง่โฮปเวลล์” ขัดรัฐธรรมนูญ

“คมนาคม-รถไฟ”มีลุ้น หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “มติที่ประชุมศาลปกครองสูงสุด”เมื่อปี 2545 คดีโฮปเวลล์ ขัดรัฐธรรมนูญ ด้าน”ศักดิ์สยาม”อุบ บอกขออ่านคำวินิจฉัยทางการก่อน

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2564 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา 213 ว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดครั้งที่ 18/2545 วันที่ 17 พ.ย. 2545 มิได้ดำเนินการตามมาตรา 5 และ มาตรา 6 วรรคหนึ่ง ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง, มาตรา 5 วรรคหนึ่ง, มาตรา 25 วรรคสาม, มาตรา 188 และมาตรา 197

เสียงข้างมากชี้ขัดรัฐธรรมนูญ

ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญโดยเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2545 เป็นการออกระเบียบตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาบปกครองและวิธีพิจารณาทางปกครอง 2542 มาตรา 44 แต่มิได้ดำเนินการตามมาตรา 5 และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197 วรรคสี่

“ศักดิ์สยาม”ขออ่านคำวินิจฉัยก่อน

ผู้สื่อข่าว”ประชาชาติธุรกิจ”ได้สอบถามกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับคำวินิจฉัยนี้ โดยนายศักดิ์สยาม กล่าวเพียงสั่นๆว่า ยังไม่เห็นคำวินิจฉัยที่เป็นทางการ ขอให้ตนเองได้อ่านคำวินิจฉัยดังกล่าวก่อน

ทั้งนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวเกิดขึ้น จากการที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายรัฐในสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นกำหนดนับอายุความฟ้องคดี คือ วันที่ 9 มี.ค. 2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ เข้าข่ายเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคสาม มาตรา 188 และมาตรา 197 หรือไม่ และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติหรือการกระทำดังกล่าว เนื่องจากพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม และเอกสารประกอบแล้วกรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213

ซึ่งต่อมาผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเมื่อ 17 พ.ย. 2563 ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว และศาลรัฐธรรมนูญก็ได้รับคำร้องวินิจฉัยเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2564 ก่อนจะมีคำวินิจฉัยในวันนี้

ยัอนรอยมติศาลปกครองสูงสุด

สำหรับคดีข้อพิพาทโฮปเวลล์ ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2562  ให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชนะคดีตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ให้ภาครัฐโดยกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จ่ายรวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี หรือรวมแล้วประมาณ 25,000 ล้านบาท พร้อมคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ

ซึ่งประกอบด้วยเงินที่บริษัทได้ชำระเป็นค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ ร.ฟ.ท. ถึงก่อนวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท รวมถึงเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38 ล้านบาท และเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับคดีถึงที่สุด