พม่าเลือดนองไม่หยุด ผู้ประท้วงดับอีกเฉียด 40 ใช้กฎอัยการศึก เขต รง.จีนถูกบุกเผา

สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานเหตุการณ์นองเลือดในเมียนมา วันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค. เป็นอีกวันที่ผู้ชุมนุมประท้วงถูกสังหารจำนวนมากถึง 38 ราย หลังจากโรงงานของกลุ่มทุนจีนในนครย่างกุ้งถูกบุกเผาทำลาย ทำให้คณะรัฐประหารประกาศกฎอัยการศึกในเขตดังกล่าวและใช้กำลังเข้าจัดการ ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันรัฐประหาร 1 ก.พ. เกินร้อยศพแล้ว

กลุ่มสมาคมช่วยเหลือนักโทษทางการเมือง หรือ Assistance Association for Political Prisoners ระบุว่า เฉพาะวันอาทิตย์วันเดียวกัน ผู้ประท้วงถูกสังหารถึง 38 ราย ในจำนวนนี้ 22 รายอยู่ในเขตไลง์ตายา นครย่างกุ้ง ที่โรงงานจีนถูกบุกเผา ส่วนสื่อรัฐบาลรายงานว่า มีตำรวจเสียชีวิตด้วย 1 นาย

จำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวใกล้เคียงกับยอดผู้ประท้วงถูกสังหารสูงสุดเมื่อ วันที่ 3 มี.ค.

สถานการณ์เพิ่มความตึงเครียด เมื่อโรงงานทุนจีนหลายแห่งในเขตไลง์ตายา พื้นที่อุตาสาหกรรมที่เต็มไปด้วยคนยากจนของนครย่างกุ้ง ถูกบุกทำลาย โดยมี 2 แห่งถูกเผา พนักงานชาวจีนหลายคนถูกทำร้ายบาดเจ็บ คาดว่าเกี่ยวเนื่องมาจากความโกรธแค้นของชาวบ้านส่วนหนึ่งที่เข้าใจว่าจีนเป็นพันธมิตรของทหารพม่า

ทางสถานทูตจีนแถลงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเมียนมาคุ้มกันความปลอดภัยของชาวจีนและทรัพย์สินของชาวจีนให้ได้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ “ร้ายแรงมาก” เนื่องโรงงานและธุรกิจของชาวจีนตกเป็นเป้าหมาย

สถานการณ์ที่น่าวิตกของเมียนมาเข้าสู่สัปดาห์ที่ 6 แล้วนับจากกองทัพรัฐประหารวันที่ 1 ก.พ. ล่าสุดบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งหลบหนีการจับกุมของกองทัพพม่า ย้ำจุดยืนสนับสนุนให้ประชาชาชาวพม่าลุกขึ้นปฏิวัติประเทศและต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพ

วันเดียวกัน นายโทมัส แอนดรูวส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชาติในพม่า จากสหประชาชาติ หรือยูเอ็น มองว่า เผด็จการพม่ากำลังก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองไว้ เช่น การฆาตกรรม การอุ้มหาย และการทรมาน ทั้งหมดภายใต้การรับรู้ของเผด็จการทหารพม่า

นายแอนดรูวส์ กล่าวด้วยว่า ตนมีหลักฐานว่า การกระทำเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และมีกระบวนการชัดเจน แม้แต่ทางการจีน พันธมิตรของพม่า เรียกร้องให้ยุติความรุนแรง