“ณัฐชา-วิโรจน์” ร่วมซัดรัฐบาลทำเรื่องน่าละอาย หลังเฟซบุ๊กปิดบัญชีไอโอเกือบ 200 บัญชี เอาภาษีมาโจมตีปชช.

วันที่ 4 มีนาคม 2564 วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีจากข่าวเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กได้ประกาศปิดบัญชี Facebook จำนวน 185 บัญชี ในประเทศไทยที่ประกอบไปด้วย 77 บัญชี 72 เพจ และ 18 กลุ่มบนเฟซบุ๊ก และยังมี 18 บัญชีในอินสตาแกรม ที่พบว่ามีความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับ กอ.รมน. และกองทัพ ในการทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (Information Operation) หรือ ไอโอ โดยมีบัญชีผู้ใช้งานติดตามเพจไอโอเหล่านี้ถึง 700,000 บัญชี และมีบัญชีที่เข้าร่วมในแต่ละกลุ่ม ที่ไอโอสร้างขึ้น อย่างน้อยๆ ถึง 100,000 บัญชี ซึ่งนับว่าเป็นเครือข่ายไอโอขนาดใหญ่ในการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารกับประชาชน ที่สำคัญพบว่ามีการใช้งบประมาณในการทำโฆษณาบนเฟซบุ๊กด้วย ซึ่งก็น่าจะคาดได้ว่างบประมาณในการทำโฆษณา น่าจะมาจากเงินภาษีของประชาชน

วิโรจน์ กล่าวว่า  จากข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ นาธาเนียล ไกลเชอร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเฟซบุ๊ก ได้แจ้งว่า ขบวนการดังกล่าวมีการใช้ทั้งบัญชีผู้ใช้งานจริง และบัญชีผู้ใช้งานปลอม ในการโพสต์เนื้อหาสนับสนุนกองทัพ และโจมตีผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่สำคัญ คือ มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย โดยการปิดบัญชีในครั้งนี้ เฟซบุ๊กแจ้งว่า ปิดเนื่องจากพฤติกรรมการใช้บัญชีปลอมในลักษณะแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น ซึ่งผิดข้อกำหนดการใช้งานของเฟซบุ๊ก

“การถูกปิดบัญชีไอโอในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง และเป็นความน่าละอายที่ถูกแพร่กระจายไปทั่วโลก และเป็นการทำให้เชื่อได้ว่า รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง ในการปฏิบัติการไอโอกับประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการยุยงปลุกปั่น ให้ประชาชนเกิดความแตกแยก เกลียดชังกันเอง“  วิโรจน์ กล่าว.

วิโรจน์ ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันเว็บไซต์ pulony.blogspot.com ที่มีเนื้อหาบั่นทอนการสร้างสันติสุขในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โจมตีผู้เห็นต่าง ซึ่งพบหลักฐานการของบประมาณของ กอ.รมน. ในงบประมาณปี 2563 ปัจจุบัน ก็ยังปฏิบัติการไอโอพร้อมกับเพจเฟซบุ๊กในเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำแบบนี้ พยายามใช้ปฏิบัติการไอโอ เขี่ยฟืนในกองไฟ ให้คุกรุ่นลุกโชนอยู่ตลอดเวลา แล้วความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะคลี่คลายได้อย่างไร ก็ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะปฏิบัติการไอโอแบบนี้ไปเพื่ออะไร

วิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า ที่สำคัญที่สุด ก็คือ การปฏิบัติการไอโอ ในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ วิธีการที่ถูกต้อง คือ รัฐบาลควรจัดทำเนื้อหาในการเทิดพระเกียรติอย่างเป็นทางการ ต้องตั้งคำถามกับ พล.อ. ประยุทธ์ว่า การใช้วิธีปฏิบัติการไอโอ ที่ใช้บัญชีปลอมแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นแบบนี้ เป็นวิธีการที่สมพระเกียรติหรือไม่ และการถูกเฟซบุ๊กปิดบัญชีในครั้งนี้ รวมทั้งการถูกทวิตเตอร์ปิดบัญชีในครั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คิดที่จะเรียนรู้อะไรเลยใช่หรือไม่ และจะยังคงกระทำการบังอาจ ที่มิบังควรแบบนี้ ต่อไปให้เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ออกมาประกาศปิดบัญชีผู้ใช้งานแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่า จะระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเลยใช่หรือไม่

“ผมขอย้ำว่าการประชาสัมพันธ์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาลต้องทำทุกอย่างอย่างประณีต รอบคอบ เป็นทางการ ให้สมกับพระเกียรติยศ“ วิโรจน์ กล่าว

ผมขอเตือนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มักจะอ้างตนเองว่าจงรักภักดี มีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จงเลิกพฤติกรรมที่ด้อยสติปัญญาของตน นำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ มาปฏิบัติการไอโอ จนถูกทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก เปิดเผย จนระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียที การกระทำอย่างนี้ ไม่ถือว่าเป็นความจงรักภักดี และหากยังจะฝืนกระทำการบังอาจแบบนี้ต่อไป จะกระทบกับประสิทธิภาพ ของการประชาสัมพันธ์ถึงพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่เป็นทางการ เพราะประชาชนอาจเกิดความสับสนได้ว่า ข่าวสารเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ที่ได้รับอยู่ นั้นเป็นการประชาสัมพันธ์ หรือเป็นปฏิบัติการไอโอจากรัฐบาล กันแน่ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไตร่ตรองใคร่ครวญ อย่างรอบคอบ ก็ไม่ยากที่จะรู้ถึงผิดชอบชั่วดี ด้วยตนเอง. วิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย.

ด้านนายณัฐชา​ บุญไชยอินสวัสดิ์​ โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวว่า การถูกปิดบัญชีไอโอในครั้งนี้ยิ่งถือเป็นเรื่องที่น่าละอายที่กองทัพรวมถึงรัฐบาล ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถือเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ต้องมีคำตอบให้กับประชาชน เพราะการถูกประจานครั้งนี้แพร่กระจายสร้างความเสื่อมเสียไปทั่วโลก และเป็นการยืนยันในสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ในอดีต สมาชิกพรรคก้าวไกล รวมถึงตัวผมได้เคยอภิปรายไว้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาว่า

รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติการไอโอในหลายรูปแบบ รวมถึงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าข่ายยุยงปลุกปั่น ให้ประชาชนเกิดความแตกแยก เกลียดชังกันเอง ถือเป็นความเลวทรามต่ำช้าและมืดบอดทางปัญญา มองเห็นประชาชนที่เห็นต่างหรือมีวิถีความเชื่อและวัฒนธรรมที่แตกต่างเป็นศัตรู เพราะการใช้ปฏิบัติการไอโอ เขี่ยฟืนในกองไฟ ให้คุกรุ่นลุกโชนอยู่ตลอดเวลาแบบนี้คงไม่อาจทำให้ความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คลี่คลายได้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คนในพื้นที่ลือกันว่ าถ้าไฟใต้ดับไม่ได้ เพราถ้าดับก็จะไปกระทบอุตสาหกรรมความมั่นคงที่เป็นชามข้าวจากงบประมาณที่ลงไปมหาศาลในแต่ละปี กองทัพจึงไม่อยากให้ดับ ก็ได้ยินมาแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เรื่องนี้คงต้องให้กองทัพเป็นผู้ชี้แจงต่อประชาชนผู้เสียภาษีด้วย”

นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า ถึงเวลาแล้วที่กองทัพจะต้องกลับตัวกลับใจเหยุดทำเรื่องชั่วร้ายเลวทรามเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะไม่ว่ากองทัพของชาติไหนก็ล้วนมีสำนึกว่า ห้ามทำ IO กับประชาชนในชาติตัวเอง การที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์รัฐถือเป็นเรื่องปกติของการตรวจสอบ แต่ประชาชนจะไม่มีวันเป็น ศัตรูหรือภัยต่อความมั่นคงได้ คงมีแต่คนที่ทำให้คนในชาติเกลียดกันเองเท่านั้นจึงจะถือเป็นภัยคุกคามประเทศชาติอย่างแท้จริง