รุ้ง เผยตอนอยู่เรือนจำ ตร.บุกหาแม่บอกให้หยุดทำกิจกรรม อึ้ง!ถูกติดวงจรปิด 8 ตัวไม่รู้ของใคร

‘รุ้ง’ ลั่น กระแสแผ่ว แต่ไม่หยุด เชื่อวันหนึ่งจะชนะ ขออย่าท้อ ย้อนเล่าซิ่งรถหนี ตร. เจ้าหน้าที่บุกไปขู่แม่ขณะตนอยู่ในคุก ซัดไร้อุดมการณ์ป้อง ปชช.
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ลาน 50 คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มธ. ร่วมกับศูนย์วิจัยดิเรก ชัยนาม คณะรัฐศาสตร์ มธ. จัดเสวนา ” #ถ้าการเมืองดี เราย่อมเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมาย” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดโครงการเสวนาวิชาการ #ถ้าการเมืองดี โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นางสาวเบญจมาภรณ์ นิวาส จากกลุ่มนักเรียนเลว, พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนิสิตปริญญาเอก หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และนายธนพล พันธ์งาม นักศึกษาปริญญาโท คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มธ.

ดำเนินรายการโดย นางสาวชญานิษฐ์ พูลยรัตน์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในตอนหนึ่ง นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง กล่าวว่า คนส่วนใหญ่รู้จักตนจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ลานพญานาค มธ.ศูนย์รังสิต แต่จริงๆแล้วเคยโดนคุกคามมาก่อน ทั้งที่ช่วงนั้นพูดแต่เรื่องของรัฐบาล ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นของสถาบันแต่อย่างใด

“ตอนนั้นผูกโบขาว ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันนั้นเป็นคนขับรถไปส่งเพื่อน ไม่ได้ทำกิจกรรมเอง เมื่อส่งเสร็จ ก็ขับรถวนเพราะแถวนั้นหาที่จอดยาก แต่มีตำรวจมารออยู่แล้ว และโดนใบสั่ง จากนั้นขับรถต่อไป แล้วถูกล้อม 4 ด้าน ไปยังสน.พระราชวัง ตอนนั้นยังไม่รู้สิทธิของตัวเอง จนเพื่อนหาเบอร์ทนายให้ ก็รอดออกมาได้ ให้ทนายคุย นั่นคือครั้งแรกที่โดนกับตัวเองอย่างจังๆ แต่ครั้งที่น่ากลัวที่สุดคือตอนทำกิจกรรมอ่านประกาศคณะราษฎรที่สกายวอล์ก พอจบงาน ขับรถเพื่อจะกลับมหาวิทยาลัย แต่กลับไม่ได้ เพราะถูกต้อนจากจักรยานยนต์หลายคันที่ขี่ตาม วันนั้นมีเพนกวินอยู่ด้วย เชื่อว่าแค่ทำให้กลัว ก็รอดมาได้

การคุกคามมีหลายรูปแบบ อยู่ๆ มาบ้าน ไม่แจ้งสาเหตุ ขับรถตาม ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีการติดกล้องวงจรปิด 8 ตัวรอบบ้านที่เช่าอยู่กับเพื่อนโดยหาที่มาไม่ได้ว่าเป็นของใคร

อีกหนึ่งเหตุการณ์คือ ตอนอยู่ในเรือนจำ มีตำรวจไปหาแม่ที่บ้าน ให้บอกลูกว่าให้หยุดทำกิจกรรม พฤติกรรมเช่นนี้ยังเรียกตัวเองว่าตำรวจ น่าหดหู่มาก ตำรวจไม่มีอุดมการณ์ปกป้องประชาชนอีกต่อไป แต่รับใช้นายอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ก็เคยพยายามบอกทุกคนว่า อย่าโทษตำรวจ เพราะนายสั่งมา แต่สุดท้ายถ้าตำรวจเป็นอย่างนั้นจริงๆ วันหนึ่งตัองปลดแอกตัวเองออกมา” นางสาวปนัสยากล่าว

นางสาวปนัสยากล่าวต่อไปว่า คนโดนมาตรา 112 เหมือนสายน้ำที่ไหลเชี่ยว เราทุกคนล้วนถูกกดขี่ เราต้องการสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ต้องการประชาธิปไตยและสังคมที่ดี ขอให้กำลัง ใจทุกคน อยากให้ออกมาร่วมต่อสู้ด้วยกัน มาร่วมสร้างโอกาสอีกนิดหนึ่งที่จะได้สังคมแบบที่ค้องการ

“ความหวังอยู่ตรงหน้า เชื่อว่าวันหนึ่งเราจะชนะ แม้กระแสแผ่ว แต่ไม่ได้หยุด กำลังจะค่อยๆ กลับมา ไม่อยากให้ท้อ อนาคตอยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล แต่จะมีวันที่ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” นางสาวปนัสยากล่าว