“หมอมิ้ง” ชู COVID SAFE FOOD ตัวอย่าง เปลี่ยนวิธีคิดสู่ผลลัพธ์สอดรับวิกฤตโควิด

วันที่ 3 มีนาคม 2564 นพ.พรหมินทร์ เลิศสุรีย์เดช อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยและหนึ่งในผู้จัดตั้งกลุ่มแคร์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึง การผลึกทางความคิดสู่การสร้างทางออกเชิงรูปธรรมในรับมือวิกฤตเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 จากศักยภาพที่ไทยมีโดยยกกรณีการจัดงาน COVID SAFE FOOD ว่า

มุ่งหาโอกาสให้คนไทยท่ามกลางวิกฤตโควิด

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 คือ 8 เดือนที่แล้ว ในวันเปิดตัวกลุ่ม CARE ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ สมาชิกเริ่มต้นของกลุ่มฯ ได้ชี้ให้เห็นโอกาสในวิกฤตการระบาดของโรคโควิด ที่จะนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจใหญ่หลวงในไม่ช้า แต่ด้วยการใช้ศักยภาพที่เข้มแข็ง ที่ประเทศไทย สามารถควบคุมป้องกันการระบาดโรคได้โดดเด่นในโลก ยังเป็นเป้าหมายแหล่งท่องเที่ยวดูแลสุขภาพ(wellness) ที่เป็นที่มุ่งมาดปราถนาของชาวโลก และยังมีศักยภาพด้านแหล่งผลิตอาหาร เพราะยังมีพื้นที่เกษตรกรรมมาก แหล่งผลิตอาหารที่หลากหลาย ต้องอาศัยศักยภาพนี้ให้เป็นประโยชน์ เสนอขยายความคิดออกไป

ความคิดดังกล่าวได้รับการตอบสนอง โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 พรรคเพื่อไทย จัดแถลง “แปรวิกฤตเป็นโอกาส COVID SAFE FOOD” นำทีมโดย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ของพรรคฯ เพราะท่านเป็นสส.จังหวัดแพร่หลายสมัย ใกล้ชิดประชาชน รู้เข้าใจความทุกข์ยากของประชาชน และล่วงรู้ศักยภาพ ของคนไทย เทคโนโลยี และความรู้ทางวิทยาการด้านถนอมอาหาร และผลิตภัณฑ์อาหาร ท่านได้เอาแนวคิดนี้ แปรสู่การปฏิบัติจนสำเร็จ โดยหลักสำคัญ คือ

นำเทคโนโลยีถนอมอาหาร มาใช้กับผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมด้วยกรรมวิธีเยือกแข็ง – 30 องศาเซนติเกรด ระยะเวลาหนึ่งแล้วเก็บในตู้เย็น ธรรมดา สามารถรักษาความสดและคุณค่าทางอาหารถึง 2 ปี ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ซับซ้อน ราคาหลักแสนซึ่งสามารถเอามาใช้ในวิสาหกิจชุมชนและ SME ได้

ปรุงแต่งด้วยพ่อครัวที่มีความสามารถที่มีอยู่มากมาย เพราะประเทศไทย มีชื่อเสียงระดับโลก เรื่อง Street foods คือ อาหารหลากหลาย ตำรับหลากหลาย ฝีมือคนหลากหลาย เป็นที่ประจักษ์และล่วงรู้ทั่วโลกแล้ว

ขยายการผลิต ถอดสูตรตำรับอาหารเป็นการผลิตอาหารด้วยอุตสาหกรรมอาหารที่มีอยู่แล้ว เป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่มีอยู่แล้ว ด้วยกระบานการที่สะอาดปลอดเชื้อ ถูกสุขอนามัย

ใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอลสื่อสารย้อนกลับ (Traceability) ตั้งแต่แหล่งผลิต กระบวนการผลิตที่มีหลักประกันความปลอดภัย ถึงผู้บริโภค ที่ตรวจสอบได้ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ที่มีอยู่แล้ว เช่น แหล่งผลิต ผู้เกี่ยวข้องในการผลิตได้รับ การรับรองว่าปลอดเชื้อโควิด เช่นได้รับวัคซีน หรือได้รับการตรวจว่าปลอดเชื้อ กระบวนการก็ได้รับการรับรองทุกขั้นตอนว่าสะอาดปลอดเชื้อ เป็นต้น จึงได้รับการรับรองด้วยตรามาตรฐาน “COVID SAFE” ทำให้ราคาและมูลค่าสูงขึ้น

ขั้นตอนสุดท้ายคือการเชื่อมโยง ความต้องการสินค้า(demand )จากทั่วโลก กับ แหล่งผลิตผู้จำหน่าย (supply) ด้วยระบบ e-commerce ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว

สิ่งที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอไม่ใช่ความคิดที่สวยหรู แต่ได้ผลิตเป็นอาหารสำเร็จเป็นรูปบรรจุภัณฑ์ของจริง แกะจากซองอุ่นให้ชิมรสชาติ ความหยุ่น (Taste & Texture ) อร่อยถูกปากไม่ต่างจากอาหารปรุงใหม่ นำเสนอถึง 19 ตำรับ ตั้งแต่ข้าวสวย เส้นขนมจีน เนื้อสัตว์ ไก่ หมู กุ้ง เป็นต้นจนไม่อยากจะเชื่อ

แนวคิดที่พิสูจน์เป็น อาหารตั้งโต๊ะ ระดับจัดเลี้ยงในโรงแรมหรู ปรุงโดยเชฟ ชุมพล แจ้งไพรเชฟกระทะเหล็กระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว ที่สื่อมวลชนและท่าผู้มีเกียรติได้พิสูจน์ แล้วออกปากชมว่า แทบไม่ต่างจากปรุงสด

โควิดเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็น New normal ที่ work from home อยู่ในที่พักมาก พบปะคนน้อยลง ทำให้ยอดขายอาหารสำเร็จรูป online เพิ่มสูงขึ้นมาก และถ้าอาหารไทยเลิศรสมีชื่อเสียงส่งถึงบ้านไม่ว่าในประเทศ หรือต่างประเทศจะเติมเต็มความสุขได้แค่ไหน และถ้าเพิ่มคุณค่าเป็น COVID SAFE ที่รับประกัน ตรวจสอบเป็นวิทยาศาตร์แล้วจะเป็นเช่นไร หวังว่าแนวคิดที่พิสูจน์ได้แล้วนี้ ถ้าคิดให้ทำ ถ้ารัฐบาลเข้าใจแล้วนำไปขยายผลอย่างถูกต้องก็เป็นประโยชน์ ถ้ารัฐไม่ทำประชาชนจะทำเอง แล้ว เกษตรกร พ่อครัว อุตสาหกรรมอาหาร นักเทคโนโลยีสื่อสาร e commerce ได้ประโยชน์หมด พอเป็นความหวังและโอกาสท่ามกลางวิกฤตโควิดได้บ้าง

#COVIDSAFE #CAREORTH #พรรคเพื่อไทย