‘สร้างไทย’ รัฐสภาให้ขอศาลรธน.วินิจฉัยหน้าที่ทำรัฐธรรมนูญ ส่อเป็นแผนสมคบคิดดับฝัน สสร. วอนทุกฝ่ายผ่าทางออก

วันที่ 2 มีนาคม 2564 กลุ่มสร้างไทยได้ออกแถลงการณ์ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความไม่ชอบมาพากลหลังเสียงข้างมากในรัฐสภาขอให้ศาลรธน.วินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการจัดทำรัฐธรรมนูญจนมีความกังวลต่อเจตนาขัดขวางไม่ให้ทำอะไรกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีการจัดทำตามกำหนดของ คสช.และกลไกที่ถูกออกแบบ มีส่วนทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ก่อการรัฐประหารได้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้งปี 2562 ด้วยเสียงจาก ส.ว.แต่งตั้งโดย คสช. 250 คนว่า

แถลงการณ์กลุ่มสร้างไทยกรณีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่ารัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่

จากการที่ภาคประชาชน ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลเห็นพ้องร่วมกันว่า สมควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เป็นองค์กรยกร่างนั้น ในที่สุดได้มีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภาโดยให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจำนวน 200 คน เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งในที่สุดรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบในวาระที่ 1 แต่มติเสียงข้างมากของรัฐสภา (สมาชิกวุฒิสภาเกือบทั้งหมดและ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ) กลับขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และรัฐสภาได้ลงมติเมื่อ 24 – 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมาผ่านวาระที่ 2 คงเหลือเพียงวาระที่ 3 ต้องรอไว้ 15 วันจึงจะลงมติได้

กลุ่มสร้างไทยขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่าการที่รัฐสภาเสียงข้างมากขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นข้างต้นเป็นเรื่องแปลกประหลาดและส่อให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการสมคบคิดเพื่อทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. เป็นไปไม่ได้ ยิ่งศาลรัฐธรรมนูญขอความเห็นจากบุคคล 4 คน คือ นายมีชัย​ ฤชุพันธุ์ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์​ และนายอุดม รัฐอมฤต ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีจุดยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตยหรือไม่ยิ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น

การที่รัฐสภาลงมติในวาระที่ 1 และวาระที่ 2 ไปแล้วย่อมแสดงให้เห็นว่ารัฐสภามั่นใจว่ามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยใช้ระบบ สสร. ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามปกติเมื่อผ่านวาระที่ 3 (จะมีการเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 17 – 18 มีนาคม 2564 ) จะไปสู่การทำประชามติ หากผ่านประชามติจะมีการเลือก สสร. 200 คนโดยประชาชน เมื่อ สสร. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จจะต้องทำประชามติอีกครั้งถ้าผ่านจึงทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงทรงพระปรมาภิไธย และจะมีการเลือกตั้งกันตามรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งถือเป็นฉบับประชาชนอย่างแท้จริงและจะเป็นฉบับแรกของประเทศไทยที่ประชาชนเป็นผู้สถาปนารัฐจะธรรมนูญขึ้นในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย จึงไม่มีเหตุผลและความเหมาะสมใดเลยที่จะสมคบคิดกันหยุดยั้งการดำเนินการเช่นนี้ นอกจากต้องการจะปกป้องระบบเผด็จการอำนาจนิยมที่เกิดจากการรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงควรที่จะวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวให้เสร็จสิ้นก่อนการลงมติในวาระที่ 3 และถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าศาลไม่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัย ก็จะทำให้ระบบรัฐสภาแข็งแรงขึ้น เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะแก้ไขเป็นรายมาตรา หลายมาตราหรือจัดทำใหม่ทั้งฉบับภายใต้ข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญเองเป็นอำนาจโดยเฉพาะของรัฐสภา หรือมิเช่นนั้นศาลรัฐธรรมนูญก็ควรจะยืนยันว่าเป็นอำนาจของรัฐสภา

หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภาไม่มีอำนาจก่อนการลงมติวาระที่ 3 ฝ่ายค้านก็ต้องคิดให้ดีว่าจะผ่านร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่มี สสร. เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยก่อนการลงมติดังกล่าว ฝ่ายค้านก็ควรหาวิธีการไม่ให้มีการลงมติจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจทำได้หรือไม่ หากฝ่ายค้านลงมติเห็นชอบ วาระที่ 3 โดยยังไม่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าส่วนที่เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. นั้นใช้ไม่ได้เพราะรัฐสภาไม่มีอำนาจ ก็จะทำให้รัฐบาลโดยความร่วมมือกับ สว.สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ทุกประเด็นเว้นแต่จะไม่ผ่านประชามติ

กลุ่มสร้างไทยจึงขอวิงวอนทุกฝ่ายได้ร่วมมือกัน ผ่าทางตันของประเทศเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แท้จริง อย่าเอาแพ้ชนะกันในสิ่งที่ในที่สุดแล้วไม่มีใครชนะแต่ทุกคนและประเทศแพ้หมด

กลุ่มสร้างไทย
1 มีนาคม 2564