‘ยุทธพงศ์’ ย้ำหลักฐานชัด เอาผิดปมสายสีเขียว-นายกฯคิวต่อไป

วันที่ 1 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบการกรณีการเอื้อประโยชน์ให้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ตีแผ่เรื่องไม่ชอบมาพากล กรณีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน ได้นำเรื่องทุจริตและประพฤติมิชอบไปร้องต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้เอาผิด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯกทม. และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบัน เนื่องจากมีหลักฐานชี้ชัดว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นผู้ลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2559 ว่าจ้างให้บริษัทบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือและเขียวใต้ ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2559-2585 ทั้งที่ขณะนั้นส่วนต่อขยายเหล่านี้ยังอยู่ในความรับผิดชอบของ รฟม. เท่ากับว่าเป็นการลงนามโดยไม่มีอำนาจ ชี้ให้เห็นถึงเจตนาของการประพฤติมิชอบ

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 26 พ.ย.2561 ครม.มีมติให้โอนส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายเขียวเหนือ-ใต้ จาก รฟม. ไปให้ กทม.รับผิดชอบดูแล โดยให้กระทรวงการคลังช่วยในการจัดหาเงินกู้ 5.3 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ กทม.จ่ายคืนกับ รฟม. แต่ไม่กระทำ

นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สัญญาสัมปทานที่จะหมดสัญญาในปี 2572 แล้วกำหนดให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมก็ไม่ดำเนินการ แถมยังเตรียมจะขยายสัมปทานให้อีก อ้างว่าไม่เช่นนั้นต้องจัดเก็บค่าโดยสาร 104 บาทตลอดสาย ทั้งที่หากเทียบแล้วอัตราค่าขั้นต่ำแล้วหากเดินทางไป-กลับก็คิดเป็น 66 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเหมือนกับการจับประชาชนเป็นตัวประกันแลกกับการขยายสัมปทาน โดยต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลว่าจะแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้หรือไม่

นายยุทธพงศ์เผยด้วยว่า ขั้นตอนจากนี้จะเป็นคิวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่กำกับดูแล กทม. ซึ่งฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญในความผิดกรณีการขัดกันของผลประโยชน์ เนื่องจากพบว่าใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้กรณีการพิจารณาขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวไม่ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนรัฐเอกชน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ โดยจะต้องเข้าชื่อ ส.ส. 50 คนส่งเรื่องให้ประธานสภาพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป