พม่าต้านรัฐประหาร : ยอดเสียชีวิตจากสลายชุมนุมพุ่ง 18 ศพ เจ็บหลายสิบ ‘สหรัฐ’ เตือนเพิ่มมาตรการกดดัน

จำนวนผู้เสียชีวิตเนื่องจากการสลายการชุมนุมต่อต้านการยึดอำนาจของทหารเมียนมาทั่วประเทศเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 18 ราย ขณะที่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 30 คน

สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกแถลงการณ์ระบุโดยอ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า มีรายงานผู้เสียชีวิตเนื่องจากการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมทั้งที่นครย่างกุ้ง ทวาย มัณฑะเลย์ พะโค มะริด และปะโคะกูซึ่งอยู่ทางเหนือของพุกาม

นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 คน ในการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมหลังจากกองทัพเมียนมายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น โดยมีรายงานด้วยว่ามีผู้ถูกจับกุมอีกราว 1,000 คน

สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติระบุด้วยว่า นอกจากการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมแล้ว ยังมีรายงานว่าในหลายเมืองเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้แก๊สน้ำตา และระเบิดแสงที่มีเฉพาะแสงกับเสียงปาใส่ผู้ชุมนุมอีกด้วย

ด้านเดโมเครติค วอยซ์ ออฟ เมียนมา ของเมียนมารายงานเมื่อเวลา 05.00 น. ของวันนี้ตามเวลาในเมียนมาว่า มีรายงานผู้เสียชีวิตที่รับการยืนยันแล้ว 19 รายใน 9 เมือง ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตที่ยังคงไม่ได้รับการยืนยันอีก 10 รายด้วย

ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานว่าผู้สื่อข่าวของเอพีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาควบคุมตัวไปขณะพยายามรายงานข่าวการประท้วงในวันเสาร์ที่ผ่านมา และยังคงอยู่ระหว่างการถูกควบคุมตัวของทางการ เอพีได้เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้สื่อข่าวรายนี้ทันที เพราะผู้สื่อข่าวจะต้องได้รับอิสระและการรับประกันความปลอดภัยในการรายงานข่าว โดยปราศจากความหวาดกลัวที่จะถูกข่มขู่คุกคาม

ส่วน แชนแนลนิวส์ เอเชีย รายงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคม อ้างคำกล่าวของนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ที่ระบุเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังเตรียมที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มเตอม กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสลายการชุมนุมที่รุนแรง และการรัฐประหารในเมียนมา

นายซัลลิแวน ระบุว่า สหรัฐจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตร หุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและทั่วโลกนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังความรุนแรงมารับผิดชอบ เวลานี้สหรัฐกำลังเตรียมมาตรการเพิ่มเตอมกับผู้อยู่เบื้องหลังความรุนแรงและการรัฐประหาร และจะเปิดเผยในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

ทั้งนี้สหรัฐอเมริกา มีมาตรการคว่ำบาตรบรรดาผู้นำทหารเมียนมา ไปก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่งนับตั้งแต่กองทัพทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ขณะที่นายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ประณามการก่อความรุนแรงที่น่ารังเกียจ ต่อผู้ชุมนุม ของกองทัพเมียนมา และย้ำด้วยว่า สหรัฐจะนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังมารับผิดชอบด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ล่าสุดรายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ประท้วงเสียชีวิตแล้ว 18 ราย