‘เพื่อไทย’ ยังเชื่อมั่น การแก้ รธน. คือทางออกของประเทศ ย้ำ ครม.ต้องปรับทั้งคณะ ไม่ใช่แค่พาณิชย์

“เพื่อไทย” ยังเชื่อมั่น การแก้ รธน. คือทางออกของประเทศ ย้ำ ครม.ต้องปรับทั้งคณะ ไม่ใช่แค่กระทรวงพาณิชย์
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคพท. น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพท. พร้อมด้วยคิดเพื่อไทยจัดกิจกรรม ถอดรหัสอภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดเบื้องหลังการฟาดรัฐบาลประยุทธ์ครั้งใหญ่ ฉบับเอ็กซ์คลูซีฟ กรณี ค่าโง่เหมืองทองอัครา และสัญญาอัปยศถุงมือยาง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมี คนรุ่นใหม่จากพื้นที่ต่างๆทั่วพื้นที่ กทม. เข้าร่วมงาน และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจำนวนมาก โดยบนเวทีได้มีการบอกเล่าถึงความยาก และวิธีการเสาะหาข้อมูลและหลักฐานที่ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา จนเป็นใบเสร็จที่รัฐมนตรีหลายคนถูกร้องไปยังองค์กรอิสระ

โดยนายประเสริฐกล่าวว่า วันนี้ประเทศเรายังไม่สิ้นหวังและยังเป็นของเราทุกคน พี่น้องประชาชนหลายคนได้แสดงบทบาทภายนอกสภา ตนชื่นชมคนเหล่านั้น วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว อะไรที่จะสร้างความหวังให้กับชีวิตตัวเอง และครอบครัว ให้รู้ว่าประเทศยังไม่ไปถึงปากเหว ยังมีทางออก ยังเดินไปข้างหน้าได้ ทุกคนต้องหนักแน่น ตนเชื่อว่า ระบอบรัฐสภายังคงเป็นทางออก ถ้าไม่มีระบอบรัฐสภา จะไม่มีคนคอยมาค้าน มาตรวจสอบ พวกตนจึงต้องเป็นปากเสียงของท่านในสภา เวลาที่ท่านไม่มีเวลาในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่น

ตัวแทนเยาวชนได้ลุกขึ้นถามคำถาม ว่า พรรค พท.มีแนวทางอย่างไรในการทำให้ประเทศไปสู่แนวทางประชาธิปไตย นอกจากการแก้รัฐธรรมนูญ นายประเสริฐกล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลง เพราะ ส.ว.250 คน ก็มาจากตรงนี้ นายกฯที่เลือกมาก็ไม่ได้ผ่านการเลือกของประชาชน แต่มาจากใครบางคน แต่พวกเราก็ต้องช่วยกัน พรรค พท.เราจึงมีสถาบันคิดเพื่อไทย โดยเดือนมีนาคมพรรค พท.จะออกคาราวานไปทั่วประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนด้วย เพื่อนำปัญหาของพี่น้องประชาชนมาสู่การเป็นนโยบาย ยืนยันว่าวันนี้เราไม่ได้อยู่เฉย รัฐธรรมนูญก็สู้กันไป การทำงานในพรรคเราก็สู้ให้ประชาชน

ด้าน น.ส.จิราพรกล่าวว่า ตนคิดว่าปัญหาหลักๆ ในวันนี้คือมาจากรัฐธรรมนูญที่ร่างมาโดยเผด็จการ ตนยังคิดว่าการแก้ปัญหาของประเทศที่ดีที่สุดคือ การแก้รัฐธรรมนูญ ตรงนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลง และการต่อสู้ที่ไม่เสียเลือดเนื้อ รัฐบาลพยายามเตะถ่วงมาหลายครั้งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แต่เมื่อประชาชนออกมาเรียกร้องรัฐบาลก็ยอมให้มีทางแก้ ดังนั้น ตนเชื่อว่า ไม่ว่าจะยากแค่ไหน แต่ถ้าพี่น้องประชาชนร่วมใจกันออกมาเรียกร้องตามสิทธิที่ตัวเองมีจะเกิดการเปลี่ยนแปลง วันนี้รัฐสภามีอยู่ หากมีการเรียกร้องจากประชาชน นักการเมืองที่อยู่ในรับสภาก็จะต้องนำไปสะท้อนอย่างแน่นอน ดังนั้น ขอให้ทุกคนมีหวัง ในหลายประเทศก็ใช้เวลาในการผลัดเปลี่ยนให้ประเทศของตนเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

เมื่อถามว่า บางกลุ่มอาจจะปรามาสนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องสถาบันว่า เป็นการชิงสุกก่อนห่าม เป็นกรณีรีบเร่งเกินไป นายประเสริฐกล่าวว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยได้ติดตามมาโดยตลอด และเข้าใจเจตนาของนักศึกษาว่าเป็นอย่างไร เชื่อโดยความสุจริตใจ ว่าทุกคนหวังดีต่อประเทศ ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะดูประเด็นนี้อย่างรอบคอบ เพราะเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน แต่ตนยังเชื่อว่าโจทย์ใหญ่ของประเทศยังเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ โดยในรัฐธรรมนูญปี 40 ประเด็นเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯก็ดี ความเหลื่อมล้ำก็ดี ประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น แต่พอเป็นรัฐธรรมนูญ 60 การจะทำอะไรก็ยาก ทั้งนี้ จากการที่น้องนักศึกษาที่ตั้งคำถาม ก็เป็นโอกาสดีที่พรรคเพื่อไทยได้รับฟังความเห็นจากเยาวชนและประชาชน

ด้าน น.ส.จิราพรกล่าวว่า ตนคิดว่าการพูดถึงมาตรา 112 ตนคิดว่าสามารถพูดถึงได้ ตนเห็นด้วยกับคณะราษฎร ที่มองว่าการใช้มาตรา 112 เป็นการใช้เพื่อการรักษาสถานะของรัฐบาลมากกว่า แต่ก็มองอย่างเลขาธิการพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่นำมาสู่ความขัดแยงในประเทศ ที่คนไทยเห็นตรงข้ามกัน จึงเป็นประเด็นความขัดแย้ง ซึ่งวิธีแก้ปัญหาจะแก้อย่างไร ก็ต้องไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งการให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 200 คนมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ส.ส.ร.จะเป็นตัวแทนของประชาชนที่ลงมารับฟังความคิดเห็นประขาชนว่าควรแก้รัฐธรรมนูญไปทางไหน จึงจะเหมาะสม และประชาชนยอมรับ ก่อนนำไปสู่การทำประชามติ สุดท้ายแล้วประชาชนจะเป็นผู้กำหนดว่าควรแก้หรือไม่แก้อย่างไร

เมื่อถามถึงการปรับ ครม.มองว่าควรปรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ เพราะไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารงาน นายประเสริฐกล่าวว่า เห็นด้วยว่าน่าจะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพราะมีการทุจริตค่อนข้างชัดเจน ซึ่งตนเคยพูดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วว่า หากนายกฯไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน ตนก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในฐานะตัวแทนประชาชน และวันนี้แก่งแย่งตำแหน่งกันแล้ว ดังนั้นไม่ใช่แค่ปรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่ควรไปทั้งคณะ